เครื่องประดับจากเศษไหม"จุฑาทิพ"ไอเดียเลิศสร้างธุรกิจนำเทรนด์

“จุฑาทิพ” แบรนด์เครื่องประดับใหม่จาก จ.ขอนแก่น สามารถปรับโฉมเศษผ้าไหม และผ้าไหม ขึ้นแท่นเป็น เครื่องประดับดีไซน์เลิศและเสื้อผ้าสุดหรู ส่งผลให้เศษผ้าไหมมีมูลค่าเพิ่ม ไม่ต่ำกว่า 50%

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

“จุฑาทิพ ไชยสุระ” เจ้าของและผู้ริเริ่มสร้างแบรนด์ “จุฑาทิพ” กลุ่ม เอสเคเจ ดีไซน์ จาก จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวแบรนด์เครื่องประดับจากเศษผ้าไหมและเสื้อผ้าไหมเข้ามาทำตลาดในประเทศประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ใช้ชื่อแบรนด์ “จุฑาทิพ” โดยได้นำเศษผ้าไหม มาแปรรูปและสร้างเป็นเครื่องประดับแบบใหม่ต่างๆ อาทิ สร้อยคอ และผ้าพันคอ เป็นต้น

ทั้งนี้การนำเศษผ้าไหม มาทำเครื่องประดับนั้น ถือเป็นแบรนด์แรกๆ ในประเทศ ที่ได้สร้างสินค้าจากเศษผ้าไหม เพราะที่ผ่านมา เศษผ้าไหมจะถูกทิ้ง และไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ดังนั้นเมื่อนำผ้าไหมมาสร้างเป็นสินค้าใหม่ จึงทำให้เศษผ้าไหมมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 50% ขณะเดียวกัน จ.ขอนแก่น ขึ้นชื่อเป็นเมืองแห่งผ้าไหม ดังนั้น จึงสามารถนำผ้าไหมในพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่ต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบจะขาดแคลนโดยในกลุ่มมีเครือข่ายการผลิตผ้าไหม 200 คน

 

 “ได้ไปท่องเที่ยวจ.ขอนแก่น และหลงรักจังหวัดนี้ทำให้ตัดสินใจ ย้ายบ้านเกิด จาก กทม.ไปอยู่ขอนแก่นเพื่อเริ่มทำธุรกิจเครื่องประดับเงินแท้ ที่ทำมานานจนถึงปัจจุบัน ในปีนี้ได้ขยายธุรกิจใหม่ไปยังเครื่องประดับจากเศษผ้าไหมและเสื้อผ้าไหม”จุฑาทิพ กล่าว

อีกเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์คือการนำเครื่องประดับเงินแท้ มาร่วมประดับตกแต่งในเสื้อผ้า หรือ ผ้าพันคอ ที่กลุ่มเอสเคเจ ดีไซน์ ได้ทำธุรกิจเครื่องประดับเงินแท้ ใน จ.ขอนแก่น มานานร่วม 20 ปี จึงสามารถนำเครื่องประดับมาใช้ตกแต่งได้ เพื่อทำให้เครื่องประดับมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น

 

“เทรนด์ในตลาดโลกของกลุ่มสินค้าแฟชั่นคือการผสมผสานสิ่งของต่างๆ กลายเป็นแบบใหม่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เหมือนกับที่แบรนด์จุฑาทิพ ได้สร้างสรรค์ผ้าพันคอ เสื้อผ้า ในรูปแบบใหม่” จุฑาทิพกล่าว

พร้อมกันนี้ได้นำผ้าฝ้ายมาผสมกับผ้าไหมกลายเป็นเสื้อผ้าไหมแต้มสีธรรมชาติ ที่มีสีสันสวยงามและสดใส จึงเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์แตกต่างจากแบรนด์ผ้าไหมในประเทศ โดยการดีไซน์เสื้อผ้าและพัฒนาการผลิตต่างๆมีหน่วยงานภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุนและมีพันธมิตรหลักอย่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ร่วมสร้างสรรค์การออกแบบเสื้อผ้า และแนะนำเทรนด์การออกแบบแฟชั่นในโลก

ขณะเดียวกันผ้าฝ้ายที่นำมาผลิตก็เป็นผ้าฝ้ายออแกนิคส์ ที่มีการปลูกในพื้นที่ รวมทั้งผ้าไหมก็ใช้การย้อมสีธรรมชาติ ถือเป็นสินค้ากรีนโปรดักส์ ตรงกับความต้องการของตลาดโลกที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าสีเขียว และใช้งานได้อย่างปลอดภัยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การทำตลาดแบรนด์ใหม่นั้นได้เข้าร่วมโครงการโอท็อปของ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทำให้แบรนด์ได้รับคัดเลือกไปร่วมงานแสดงสินค้าไทยที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อทดลองตลาดทำให้เข้าใจลูกค้าชาวญี่ปุ่นและตลาดต่างประเทศมากขึ้นโดยลูกค้าชาวญี่ปุ่นสนใจสินค้า ชื่นชอบดีไซน์เรียบง่ายและมีเอกลักษณ์

ทั้งนี้ได้นำสินค้าได้วางจำหน่ายผ่านศูนย์โอท็อปของจ.ขอนแก่น รวมทั้งกำลังเริ่มทำตลาดผ่านเฟสบุ๊ค ไลน์ และช่องทางเว็บไซด์เพื่อสร้างแบรนด์ รวมทั้งได้ร่วมงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้านBangkok International Gift Fair and Bangkok International Houseware Fair ครั้งที่ 38 (BIG+BIH2014) ในช่วงที่ผ่านมา ถูกคัดเลือกอยู่ในกลุ่ม Top of OTOP ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำให้ได้พบกับลูกค้าต่างชาติ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น

หลังจากนี้จะเริ่มเจาะตลาดสินค้าในตลาดต่างประเทศทั้งตลาดยุโรปและประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นตลาดชื่นชอบสินค้าออแกนิคส์ ผ่านการไปร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนตลาดในประเทศก็เตรียมเข้าทำตลาด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าคนไทยที่นิยมใส่สินค้าออแกนิคส์สูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าได้กำหนดไว้ที่ 1,500 บาท ในแบบสร้อยคอ ส่วนเสื้อผ้าจะเริ่มต้นที่ 2,500 บาท เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อในระดับกลางและบน

รวมทั้งจะออกแบบเสื้อผ้าคอลเลคใหม่ออกมาทำตลาดในเร็วๆนี้ กลุ่มสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้าและเครื่องประดับ รวมถึงกระเป๋า เชื่อมั่นว่าการมีจุดเด่นของสินค้าที่มีดีไซน์ล้ำหน้า คุณภาพของสินค้าระดับสูงและเป็นสินค้าออแกนิคส์ จะสร้างยอดขายเติบโตได้ดี พร้อมกับยึดมั่นกับคำว่า ฉีกกรอบการดีไซน์และสร้างสินค้ารูปแบบใหม่ให้โดนใจผู้บริโภคมากที่สุด

แนวคิดสร้างธุรกิจ
-สร้างดีไซน์เด่น แตกต่าง ล้ำหน้า
-นำเศษผ้าไหมมาสร้างมูลค่าเพิ่ม
-สร้างสินค้าผ้าไหมผสมผ้าฝ้ายออแกนิคส์
-เจาะตลาดกลางและบน
-ร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศและต่างประเทศพบคู่ค้าต่างชาติ