ผ้าจกแม่แจ่ม แจ่มล้ำเหนือคำบรรยาย
วัฒนธรรม คือ สิ่งที่สื่อให้เห็นถึงตัวตน เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของท้องถิ่น รวมไปถึงภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
โดย...ทีมข่าวธุรกิจติดดาวโพสต์ทูเดย์
วัฒนธรรม คือ สิ่งที่สื่อให้เห็นถึงตัวตน เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของท้องถิ่น รวมไปถึงภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ สังเกตได้จากการแต่งกาย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ภาษาพูด อาหารการกิน และประเพณีต่างๆ ที่คนในแต่ละท้องถิ่นยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
วัฒนธรรมล้านนาหรือวัฒนธรรมภาคเหนือ ก็เป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่ผู้คนในพื้นที่ดังกล่าวสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งดินแดนล้านนาเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มนต์ขลัง ชวนให้ผู้คนอยากเข้าไปสัมผัสกับวิถีชีวิต ประเพณี รวมไปถึงธรรมชาติที่สวยงาม
“เที่ยวบ่อน้ำแร่ ล่องแพแม่แจ่ม พักแรมน้ำตก ผ้าตีนจกยอดน้ำมือ” คือ คำขวัญประจำ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่บอกเล่าเรื่องราวของแม่แจ่ม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและผ้าตีนจก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนแม่แจ่มและมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ออกประกาศโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายถึง สิ่งอื่นใดที่ใช้เรียกหรือแทนแหล่งภูมิศาสตร์และที่สามารถบ่งบอกว่าสินค้าที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้น เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นนั้นๆ โดย “ผ้าตีนจกแม่แจ่ม” ที่ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์มีด้วยกัน 16 ลาย ได้แก่ ลายละกอนกลาง ลายละกอนหน้อย ลายเจียงแสนหลวง ลายละกอนหลวง ลายเจียงแสนหน้อย ลายหงส์ปล่อย ลายขันเสี้ยนสำ ลายหงส์บี้ ลายขันแอวอู ลายขันสามแอว ลายโกมรูปนก ลายโกมหัวหมอนในนกนอน ลายนาคกุม ลายกุดขอเบ็ดลายนกกุม ลายนกนอนกุม
ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะในการจกผ้าของหญิงในแม่แจ่ม ที่มีกรรมวิธีสร้างลายจกแบบคว่ำลายลง ซึ่งเป็นการจกจากด้านหลังของผ้า แทรกเส้นฝ้ายหรือเส้นไหมโดยใช้ขนเม่นหรือไม้ปลายแหลม สอด นับ เส้นพุ่งเส้นยืนแล้วใช้เส้นพุ่งพิเศษ ผูกเก็บปมเส้นพุ่งพิเศษด้านบนอย่างประณีต ผ้าที่ได้จึงมีลวดลายแน่นเรียบ คล้ายกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สามารถใช้ได้ทั้งสองด้านเมื่อขยี้ด้วยมือตรงลวดลายก็ไม่ขาดหรือหลุดลุ่ย สามารถสวมใส่ได้ทั้งสองด้าน
นี่จึงเป็นความพิเศษของ “ผ้าตีนจกแม่แจ่ม” ที่ไม่เหมือนใครและยากต่อการลอกเลียนแบบ เพราะเป็นภูมิปัญญาของคนในพื้นที่ ซึ่งต้องอาศัยความผูกพัน การซึมซับตั้งแต่เด็ก และใช้ความอดทนใจเย็นกว่าจะได้ผ้าซิ่นตีนจกแต่ละผืน ดังคำขวัญประจำ อ.แม่แจ่ม ที่บอกว่า ผ้าตีนจกยอดน้ำมือ ที่ย้ำให้เห็นถึงคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นจากฝีมือการทอจกผ้าที่ประณีต ลวดลายสวยงาม ที่ช่างทอเป็นผู้สร้างสรรค์ลวดลายเองในขณะทอโดยไม่ต้องมีการเขียนแบบสร้างลายขึ้นมาก่อน “ผ้าตีนจกแม่แจ่ม” จึงเป็นศิลปะบนผืนผ้าอันล้ำค่าที่สืบทอดกรรมวิธีการทอและจกไปพร้อมกัน
“ผ้าตีนจกแม่แจ่ม” เกือบจะสูญหายไปกับกาลเวลาเนื่องจากผู้คนหันไปประกอบอาชีพอื่น จนกระทั่งปี 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรชาวแม่แจ่มเป็นครั้งแรก ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คนแม่แจ่มฝึกทอตีนจกแบบประยุกต์โดยใช้ฝ้ายที่ชาวบ้านเรียกว่า “ไหมประดิษฐ์” ซึ่งทำให้ทอได้เร็วขึ้น
หลังจากนั้นหญิงสาวชาวล้านนาก็เกิดการตื่นตัวแต่งกายย้อนยุค โดยเฉพาะซิ่นตีนจกแบบโบราณ จึงทำให้ซิ่นตีนจกแม่แจ่มถูกกล่าวขวัญเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้ง และเพื่อเป็นการสืบสานงานหัตถกรรมผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของแม่แจ่ม จึงได้มีการรวมกลุ่มทอผ้าซิ่นตีนจกบ้านป่าแดด อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยปัจจุบันมี “เกษร กรรณิกา” เป็นประธานกลุ่ม
เกษร ผู้ที่เติบโตมากับการทอผ้าซิ่นตีนจก เธอเป็นตัวแทนของคนในชุมชนที่พร้อมจะสืบทอดงานหัตถกรรมผ้าทอมือและลายจกแม่แจ่ม เพื่อให้ผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสกับงานหัตถกรรมอันทรงคุณค่าของบรรพบุรุษ โดยในสมัยโบราณผู้หญิงแม่แจ่มจะถูกสอนให้ทอผ้าซิ่นตีนจกเพื่อเป็นการทดแทนพระคุณพ่อแม่ คนสมัยก่อนจึงคิดลวดลายในการจกขึ้นมาอย่างลายหงส์ ลายขัน และสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับสมาชิกในกลุ่มจะแบ่งหน้าที่กัน เช่น บ้านไหนย้อมฝ้ายก็ย้อมอย่างเดียว บ้านไหนทอผ้าพื้นก็จะทออย่างเดียว ส่วนบ้านไหนทำลายจกก็จะทำลายจกอย่างเดียว แล้วจึงนำมาทอเป็นผืนรวมกันอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนที่ยากที่สุด คือ การทำลายจกที่จะต้องจกจากด้านหลังมาด้านหน้าเพื่อที่จะเก็บเส้นด้ายให้ละเอียดและสามารถนุ่งได้ทั้งสองด้าน ช่างทอจึงต้องใจเย็นและใช้สมาธิ โดยในหมู่บ้านมีเพียงคน 5 คนเท่านั้นที่สามารถจกลายได้พร้อมกันทั้ง 16 ลาย ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด จึงไม่แปลกที่ผ้าซิ่นตีนจกจะมีราคาแพง เพราะกว่าจะได้แต่ละผืนต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทน
ขณะที่การอนุรักษ์ผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ สุทธิพร ไชยวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้ามาสนับสนุนกลุ่มทอผ้าซิ่นตีนจกบ้านป่าแดด ภายใต้โครงการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม โดยใช้ทุนทางวัฒธรรมและภูมิปัญญา มีที่ปรึกษาโครงการเข้ามาแนะนำในเรื่องของการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเดิมที่เป็นเพียงผ้าซิ่น แต่นำมาดัดแปลงให้เป็นเสื้อที่มีทั้งหญิงและชาย รวมถึงชุดเดรสที่สามารถสวมใส่ได้กับผู้หญิงทุกวัย แม้จะมีการดัดแปลงชุดให้ร่วมสมัยมากขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งลายจกที่จะต้องมีสอดแทรกในชุดเหล่านั้น
นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายแล้ว ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 1 ยังได้ส่งเสริมในเรื่องของการตลาดอีกด้วยโดยนำผลิตภัณฑ์ของบ้านป่าแดดไปจัดแสดงในงานต่างๆ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้สัมผัสกับผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่มอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้กลุ่มทอผ้าตีนจกแม่แจ่มมีรายได้มากขึ้น และยังเป็นการอนุรักษ์ผ้าตีนจกให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงทุนทางวัฒธรรมและภูมิปัญญาที่มีมาแต่โบราณ
ติดตามเรื่องราวของ “ผ้าตีนจกแม่แจ่ม” งานหัตถกรรมล้ำค่าของชาวแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้ในรายการธุรกิจติดดาว ในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.นี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ตั้งแต่เวลา 14.30 น.เป็นต้นไป


