น้ำพริกหนุ่ม 'อุ้ยคำ' อบแห้ง ลุยส่งออกสู่ตลาดแดนมังกร
สินค้าของฝากชื่อดังของภาคเหนือ ที่คนไทยทั่วประเทศรู้จักและชื่นชอบคือ น้ำพริกหนุ่ม
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
สินค้าของฝากชื่อดังของภาคเหนือ ที่คนไทยทั่วประเทศรู้จักและชื่นชอบคือ น้ำพริกหนุ่ม กำลังก้าวสู่นวัตกรรมใหม่ของอาหารไทยกับน้ำพริกหนุ่มอบแห้ง ที่ให้รสชาติคงเดิม มีน้ำหนักเบา ขนส่งสะดวก และสามารถส่งออกสินค้าไปทำตลาดในต่างประเทศได้อย่างสดใส
“สถิตคุณ สิงหลักษณ์” ผู้ประกอบการน้ำพริกหนุ่มอบแห้ง ตรา อุ้ยคำ หจก.เนื้อทิพย์ จาก จ.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ น้ำพริกหนุ่มอบแห้งตรา อุ้ยคำ (Freeze dry) โดยเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่ในประเทศไทยและครั้งแรกในโลก ที่เป็นน้ำพริกหนุ่มแบบแห้ง จะกลายเป็นน้ำพริกหนุ่มรสชาติจัดจ้านเพียงใส่น้ำเปล่าเท่านั้น โดยจะให้รสชาติคงเดิมแบบน้ำพริกหนุ่มขึ้นชื่อ โดยเตรียมเข้ามาทำตลาดในประเทศปลายปีนี้และส่งออกไปตลาดประเทศจีนในปี 2558
สำหรับน้ำพริกหนุ่มอบแห้ง อุ้ยคำ ได้ร่วมมือพัฒนาสินค้ากับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และร่วมเป็นเครือข่ายคลัสเตอร์อุตสาหกรรมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ทำให้สามารถพัฒนาสินค้าเป็นน้ำพริกหนุ่มนวัตกรรมใหม่ ที่มีขั้นตอนผลิตด้วยการดูดน้ำออกและอบแห้ง ทำให้สินค้ามีความพิเศษ เก็บได้นานขึ้นไม่ต่ำกว่า 8 เดือน
ในอนาคตจะพัฒนาให้เก็บได้นานถึง 2 ปี แตกต่างจากน้ำพริกหนุ่มแบบธรรมดา เก็บได้นานประมาณ 2 สัปดาห์ และน้ำหนักเบาเหลือเพียงประมาณ 10 กรัม จากน้ำพริกหนุ่มทั่วไป น้ำหนัก 340 กรัม
ทั้งนี้ สินค้าให้น้ำหนักเบา จึงเป็นลู่ทางที่ดีต่อการรุกตลาดต่างประเทศ เพราะสะดวกกว่าการขนส่งสินค้า มีต้นทุนค่าขนส่งถูกลง ที่สำคัญ น้ำพริกหนุ่มชื่อดัง อุ้ยคำ เป็นสินค้าที่ลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดประเทศจีนรู้จักเป็นอย่างดี และชื่นชอบสินค้ามาก จึงเตรียมส่งออกไปในประเทศจีน รวมถึงประเทศสหรัฐและญี่ปุ่นด้วย ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าคนไทยอยู่ในประเทศดังกล่าวจำนวนมาก
นอกจากนี้ น้ำพริกหนุ่มอุ้ยคำยังสามารถนำไปประกอบอาหาร เป็นส่วนผสมในเครื่องแกงต่างๆ ได้ด้วย ให้รสชาติที่ดีเช่นกัน ทั้งนี้ได้เริ่มลงทุน 1 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ใน จ.เชียงใหม่ รองรับการขยายกลุ่มสินค้าใหม่และการรุกไปตลาดต่างประเทศ
ขณะที่ช่องทางการขายสินค้าในประเทศส่วนใหญ่จะอยู่ในร้านค้าของฝากในภาคเหนือ และร้านค้าอาหารที่ขายสินค้าน้ำพริกหนุ่ม รวมถึงในร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่นด้วย ซึ่งสินค้าหลักนอกจากจะมีน้ำพริกหนุ่มอุ้ยคำแล้ว ยังมี แหนม หมูยอ และไก่ยอ เป็นต้น ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มสินค้าอาหารมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง และสินค้ากลุ่มอาหารที่เป็นของฝาก ก็เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวสูง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจในพื้นที่จะประสบปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวชะลอตัวลงก็ตาม แต่สินค้ากลุ่มของฝาก โดยเฉพาะกลุ่มอาหารไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสินค้ากลุ่มอาหารถือเป็นสินค้ายอดนิยมของกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวสูงสุด ส่วนปัญหาหลักของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่ที่การเข้าถึงช่องทางขายสินค้าในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่จะมีต้นทุนการดำเนินงานธุรกิจที่สูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ไม่สนใจเข้าจำหน่ายสินค้าในห้างค้าปลีก
“อยากแนะนำกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ภาคเหนือและ จ.เชียงใหม่ นั้น ควรเข้ามาลงทุนกลุ่มอาหาร ทั้งกลุ่มอาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋องเพื่อทำส่งออกไปต่างประเทศ เพราะในพื้นที่ภาคเหนือมีวัตถุดิบผลิตอาหารที่มีศักยภาพจำนวนมาก รวมทั้งเข้ามาขยายธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก หรือเปิดบูติก โฮเต็ล ทำธุรกิจบริการ เพราะพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งจึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก” สถิตคุณ กล่าว
พร้อมกันนี้ สนใจรุกตลาดสินค้าในอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ด้วย เพราะเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจและมีการขยายตัวที่ดี เชื่อมั่นว่า ในปีหน้าสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปในตลาดอาเซียนและส่งออกจะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนส่งออกสินค้าต่างประเทศ 5% และในประเทศ 95% ประกอบกับการมีสินค้าใหม่ ทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการส่งออกได้อีกเท่าตัว
“ตลาดส่งออกที่น่าสนใจมากสุด คือ ประเทศจีน เพราะคนจีนรู้จักน้ำพริกหนุ่มเป็นอย่างดี และชื่นชอบน้ำพริกหนุ่มมาก ประกอบกับตลาดจีนมีขนาดใหญ่มาก หากสามารถส่งออกได้จะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้ดีในอนาคต โดยน้ำพริกอุ้ยคำจะไม่ใส่ปลาร้า กะปิ และกระเทียม ไม่เผ็ด สามารถปรับรสชาติให้เข้ากับลูกค้าชาวจีนได้” สถิตคุณ กล่าว
ส่วนคู่แข่งหลักในตลาด จะเป็นผู้ประกอบการใน จ.เชียงราย และเชียงใหม่ แต่เอกลักษณ์ของน้ำพริกอุ้ยคำที่มีรสชาติแตกต่าง และมีการพัฒนาสินค้าใหม่ สนใจนำนวัตกรรมใหม่มาใช้ในอาหารต่อเนื่อง จะสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีในระยะยาว โดยได้เริ่มสร้างแบรนด์เข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2538 ขณะที่เป้าหมายยอดขายของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 56 ล้านบาท เติบโตอยู่ในระดับน่าพอใจ
สถิตคุณ กล่าวย้ำว่า การทำธุรกิจอาหาร หัวใจสำคัญ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าอย่างสูงที่สุด การรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้แก่อาหารอย่างไม่หยุดนิ่ง พร้อมกับสร้างเครือข่ายธุรกิจใหม่ๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และหาโอกาสขยายตลาดไปต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่และกำลังซื้อขยายตัวดี


