"ทิปโก้แอสฟัลท์" ยึดผู้นำยางมะตอยเอเชียแปซิฟิก

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

เป็นที่ทราบในวงการปิโตรเคมีว่ากระบวนการผลิตยางมะตอยถือเป็นปลายทางที่ได้จากการกลั่นน้ำมัน แต่น้อยคนจะรู้ว่า บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ เป็นบริษัทที่นำน้ำมันมาผลิตเป็นยางมะตอยโดยเฉพาะแห่งเดียวของไทย ที่มีกำลังการผลิตสูงสุดในตลาดเอเชียแปซิฟิก และเดินหน้าบุกตลาดครั้งใหญ่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ

ชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างถนนและซ่อมบำรุงผิวการจราจร เช่น ผิวทางหลวง ผิวทางวิ่งขึ้นลงของสนามบิน และจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมัน เช่น Naphtha, Gas oil,Fuel oil ให้แก่ผู้ค้าน้ำมันทั่วไป ผู้รับเหมาก่อสร้างถนน โรงงานอุตสาหกรรมทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 10 ประเทศ

ทั้งนี้ จากความร่วมมือกับบริษัท Colas S.A. ผู้นำของโลกในการก่อสร้างและดูแลถนนจากประเทศฝรั่งเศส และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูง พร้อมวางวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อให้เป็นผู้จำหน่ายยางมะตอยให้ถึง 2 ล้านตัน ภายในปี 2558

ปัจจุบัน ทิปโก้แอสฟัลท์ มีโรงงานผลิต คลังเก็บยางมะตอย และคลังน้ำมันใน 8 ประเทศ ส่วนในไทยมีโรงงานและคลังเก็บยางมะตอยตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ จ.นครราชสีมา ระยอง พิษณุโลก และสุราษฎร์ธานี รวมทั้งมีโรงกลั่นยางมะตอยในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บนพื้นที่ 250 ไร่ในเขตอุตสาหกรรม Telok Kalong มีกำลังกลั่นน้ำมันดิบ3 หมื่นบาร์เรล/วัน หรือประมาณ 10.8 ล้านบาร์เรล/ปี เทียบเท่ากับปริมาณน้ำมับดิบ 1.7 ล้านตัน/ปี ผลิตยางมะตอยได้ถึงปีละ 1.25 ล้านตัน สร้างรายได้ 3.4 หมื่นล้านบาท และในปีนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.8 ล้านตัน/ปี หรือมีรายได้ 4.6 หมื่นล้านบาท

“ที่ผ่านมา ราคายางมะตอยจะสัมพันธ์กับราคาน้ำมันดิบ แต่ปีนี้ต่างออกไป เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ราคายางมะตอยขยับขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบ โดยที่ผ่านมาความต้องการใช้ยางมะตอยในไทย ปี 2556 อยู่ที่ 7.04 แสนตัน ส่วนใหญ่เป็นการใช้กับงานก่อสร้างของภาครัฐถึง 99% ภาคเอกชนมีปริมาณใช้งานเพียง 1%” ชัยวัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ความต้องการใช้งานจะขยับเพิ่มสูงขึ้นจากงานก่อสร้างของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น งบประมาณก่อสร้างสาธารณูปโภคของภาครัฐ 2 ล้านล้านบาทที่จะทยอยและจะมีส่วนหนึ่งมาใช้กับงานก่อสร้างถนน เช่น งานก่อสร้างมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยาย รวมไปถึงการก่อสร้างทางด่วน การเพิ่มประสิทธิภาพผิวการจราจร การราดผิวจราจรในสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เป็นต้น จึงคาดว่าความต้องการใช้ยางมะตอยในไทยจะขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปีนี้ความต้องการใช้ในประเทศน่าจะสูงถึง 8 แสนตัน/ปี

ขณะเดียวกันจะเริ่มให้ความสำคัญกับงานภาคเอกชนมากขึ้น โดยวางเป้าว่า ภายในปี 2563 สัดส่วนการขายยางมะตอยให้กับภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5% เน้นเจาะตลาดโครงการประเภท รีสอร์ท โรงแรมในต่างจังหวัดนอกจากนี้ยังได้พัฒนาสินค้าประเภท (High Value Added) HVA หรือสินค้านวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าให้มากขึ้น เช่น ยางมะตอยชนิดโพลิเมอร์โมดิฟายด์อาฟัลต์อิมัลชั่น เป็นยางมะตอยผสมน้ำยางพารา ยางมะตอยชนิดผสมเสร็จ (Premix) เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปผสมเสร็จบรรจุถุงขายและสามารถนำไปใช้งานได้ทันที เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เป็นผู้ร่วมก่อสร้างสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ มูลค่า 2,000 ล้านบาทที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA Grade1 สามารถจัดงานแข่งรถยนต์ระดับฟอร์มูลาวัน สหพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์โลก ระดับ FIM Grade A ที่สามารถจัดงานแข่งรถจักรยานยนต์ระดับโลกอย่าง Moto GP, GT1, GT2, GT3 แห่งแรกของไทย โดยออกแบบให้มีทิศทางการวิ่งตามเข็มนาฬิกา มี 12 โค้ง ระยะยาว ความยาว 4.5 กม. โดยมีผิวทางยางมะตอยรวม 2.15 แสน ตร.ม.ซึ่งก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ และจะเปิดการแข่งขัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซูเปอร์จีที เรซ ถือเป็นการแข่งขันสุดยอดรถยนต์ทางเรียบระดับท็อปของญี่ปุ่นวันที่ 45 ต.ค.นี้

กล่าวได้ว่า วันนี้ผู้ผลิตยางมะตอยแบรนด์ไทยอย่างทิปโก้แอสฟัลท์ กำลังก้าวรุกต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศไปพร้อมกัน