โฮมช้อปปิ้งโตต่ำคาด2เท่า
ภาพรวมปีนี้เพิ่มแค่10%แตะ2หมื่นล้าน ด้าน1577โฮมฯเร่งปลายปีดันยอด2พันล.
ภาพรวมปีนี้เพิ่มแค่10%แตะ2หมื่นล้าน ด้าน1577โฮมฯเร่งปลายปีดันยอด2พันล.
ตลาดรวมโฮมช้อปปิ้งปีนี้โตแค่ 10% จากเดิมคาด 30% แตะ 2 หมื่นล้าน 1577 โฮมฯ หวัง 2,000 ล้าน
นายจุล โชติกะวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท 1577 โฮมช้อปปิ้ง ผู้ให้บริการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ 1577 เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโฮมช้อปปิ้งในครึ่งปีแรกของปีนี้ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางด้านการเมือง ทำให้ตลาดรวมที่คาดการณ์ว่าจะเติบโต 25-30% นั้น โตเหลือเพียง 10% จากตลาดรวม 1.82 หมื่นล้านบาท
“ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งได้รับผลกระทบเช่นกัน ในช่วงที่มีปัญหาการเมืองรุนแรง เพราะมีโทรทัศน์หลายช่องจะต้องหยุดออกอากาศ อีกทั้งมีการปรับเปลี่ยนตามระเบียบของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่ควบคุมเนื้อหาในการบรรยายสรรพคุณสินค้าบางประเภท รวมไปถึงการเปลี่ยนช่องใหม่ ทำให้ผู้บริโภคค่อนข้างสับสน แต่ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น จึงทำให้ภาพรวมของตลาดโฮมช้อปปิ้งในปีนี้ยังคงเติบโต แต่คาดว่าทั้งปีจะโตเพียง 10% เท่านั้น” นายจุล กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ปรับตัวดีขึ้น บริษัทได้ใช้งบการตลาดจำนวน 15 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ จากปีก่อนที่ใช้งบการตลาดเพียง 2-3 ล้านบาท โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมและแคมเปญทางการตลาด 34 ครั้งที่เป็นแคมเปญใหญ่ จากปีที่ผ่านมาที่มีการจัดแคมเปญตลาดเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้สนับสนุนรายการผ่านช่องทางโทรทัศน์จำนวน 10 ช่องทีวี ผ่านระบบเคเบิลทีวี ทีวีดิจิทัล และทีวีดาวเทียม
สำหรับกลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้ คือ มุ่งเน้นสินค้านวัตกรรมและสินค้าที่มีจุดเด่นเข้ามาทำตลาดเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 100 แบรนด์ โดยเน้นไปที่สินค้าในประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ อีกทั้งยังเป็นการรองรับการเปิดเออีซีที่จะมีขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดเมืองไทย ซึ่งมีมาเลเซียเป็นคู่แข่งที่มาแรง เนื่องจากเป็นฐานใหญ่ของการผลิตสินค้าหลายประเภท รองลงมาคือเกาหลี ที่ได้เปรียบไทยในเรื่องของโครงสร้างภาษี
นายจุล กล่าวว่า บริษัทมีสมาชิกกว่า 3 ล้านคน ซึ่งแอ็กทีฟจากการซื้อสินค้าประจำจำนวน 1.4 ล้านคน โดยมีลูกค้ามียอดซื้อสินค้าต่อใบเสร็จเฉลี่ย 2,000-2,800 บาท/ใบเสร็จ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ลูกค้าซื้อใบเสร็จเฉลี่ย 2,000-2,200 บาท/ใบเสร็จ ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมซื้อยังเป็นอาหารเสริมสุขภาพและเครื่องสำอาง
ทั้งนี้ กลยุทธ์การทำตลาดในปีหน้า บริษัทจะให้ความสำคัญกับระบบการจัดส่งสินค้าหรือโลจิสติกส์มากขึ้น จากเดิมที่การจัดส่งสินค้านั้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน โดยต้องการลดการจัดส่งให้เหลือเพียงไม่เกิน 2 วันทั่วประเทศ ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จะส่งสินค้าให้ถึงผู้บริโภคภายใน 1 วัน ซึ่งบริษัทเป็นผู้พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าด้วยตนเอง


