ทิสโก้ส่งกองใหม่ลุยซื้อหุ้นทั่วโลก
บลจ.ทิสโก้ คลอดกองทุนใหม่ลุยซื้อหุ้นทั่วโลก รับเศรษฐกิจขาขึ้น ผ่านผู้จัดการหุ้นฝีมือดีในรายภูมิภาค
บลจ.ทิสโก้ คลอดกองทุนใหม่ลุยซื้อหุ้นทั่วโลก รับเศรษฐกิจขาขึ้น ผ่านผู้จัดการหุ้นฝีมือดีในรายภูมิภาค
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนเปิดทิสโก้ โกลบอล สตาร์ พลัส (TISCO Global Stars Plus Fund) ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุนชั้นนำที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่คัดสรรมาแล้วว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีในแต่ละภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้แก่ผู้ลงทุน
ทั้งนี้ กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ตั้งแต่วันนี้ 16 ก.ย. 2557 นี้ หลังจากนั้นจะเปิดซื้อขายทุกวันทำการ ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีทั่วโลก ผ่านกองทุนหุ้นต่างประเทศที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่ทางทิสโก้คัดสรรมาแล้วว่าเป็นผู้จัดการที่ดีที่สุดของแต่ละภูมิภาค โดยมีเกณฑ์พิจารณาจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการลงทุนในภูมิภาคนั้นๆ และผลงานการบริหารกองทุนในอดีตที่ดี โดยจะใช้แนวทางในการจัดพอร์ตการลงทุนในกองทุนต่างๆ เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีอ้างอิง ซึ่งได้แก่ ดัชนี MSCI AC World ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนผลตอบแทนตลาดหุ้นทั่วโลก
"เรามองว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐมีความแกร่ง ภูมิภาคยุโรปก็ฟื้นตัว รวมถึงญี่ปุ่นก็มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เอเชียก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดหุ้นในหลายๆ ภูมิภาคมีความน่าสนใจมากในขณะนี้ การลงทุนในกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล สตาร์ พลัส จึงคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี ในขณะเดียวกันก็สามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการจัดสรรการลงทุนไปในหลายๆ ภูมิภาค" นายสาห์รัช กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจผลตอบแทน 5 อันดับแรกจากการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นทั่วโลกในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2557 พบว่า กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส อิควิตี้ ดัชนีเอ็นดีคิว 100 (K-USXNDQ) ผลตอบแทนสูงสุด 13.87% รองลงมากองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ผลตอบแทน 13.14% อันดับสาม กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล อิควิตี้ ผลตอบแทน 10.89% อันดับสี่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอสแอนด์พี 500 ผลตอบแทน 10.38% อันดับห้า กองทุนเปิดทหารไทย US500 Equity Index ผลตอบแทน 10.01%
นอกจากนี้ พบว่ากองทุนหุ้นญี่ปุ่นผลตอบแทนติดลบ เช่น กองทุนเปิดแอสเซท พลัส นิปปอน ติดลบ 1.86% กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ นิกเกอิ 225 ติดลบ 3.7% กองทุนเปิดทิสโก้ เจแปน อิคิวตี้ ติดลบ 4.89% กองทุนเปิดวรรณเจแปน ติดลบ 11.4% เป็นต้น
ด้านกองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนหุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น พบว่า กองทุนเคอินเดีย อิควิตี้ ให้ผลตอบแทนสูงสุด 33.82% รองลงมากองทุนเปิดอเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ผลตอบแทน 23.6% อันดับสาม กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล เดลี่ ไชน่า-อินเดีย-อินโด อิควิตี้ อยู่ที่ 17% อันดับสี่ กองทุนเปิดยูโอบี สมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 13.91% และอันดับห้า กองทุนเปิดยูโอบี สมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดไม่จ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 13.87%


