‘แมคคาเดเมีย’ พืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ยั่งยืน
แมคคาเดเมีย ผลิตผลจากทรัพยากรมีค่าที่แสดงถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มแปรรูป
โดย...ทีมข่าวธุรกิจติดดาวโพสต์ทูเดย์
แมคคาเดเมีย ผลิตผลจากทรัพยากรมีค่าที่แสดงถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์บ้านบ่อเหมืองน้อยซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ
แมคคาเดเมีย ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่เป็นไม้จำพวกหนึ่งที่อยู่ในวงศ์ Proteaceae เวลาออกดอก ดอกจะมีลักษณะกลม ออกดอกเป็นช่อ ส่วนผลมีลักษณะเหมือนถั่ว แต่ไม่ใช่พืชในตระกูลถั่ว เปลือกภายนอกจะมีสีเขียว แต่เมื่อแก่เต็มที่แล้วผลจะมีสีน้ำตาลและร่วงลงพื้นเองตามธรรมชาติ
เมื่อเกษตรกรเก็บผลผลิตมาแล้วจะทำการกะเทาะเปลือกซึ่งภายในเป็นกะลาแข็งมีสีน้ำตาลห่อหุ้มเนื้อในสีขาวนวล มีรสชาติมัน กรอบ อร่อย สามารถทานดิบได้หรือนำมาปรุงรสเป็นขนมขบเคี้ยวและอาหารหลากหลายชนิด
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการของแมคคาเดเมียที่ให้สารออาหารสูง ไม่มีคอเลสเตอรอล อุดมไปด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเฉลี่ยถึง 76% สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ ลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม บำรุงหัวใจและสมอง อุดมไปด้วยสารอาหารอื่นๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต 9.2% โปรตีน 10%
ถิ่นกำเนิดของแมคคาเดเมียอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในประเทศไทยสามารถปลูกแมคคาเดเมียได้เพียง 3 จังหวัดเท่านั้น และจะต้องเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 700 เมตร นั่นก็คือ จ.เชียงใหม่ เชียงราย และเลย
บ้านบ่อเหมืองน้อย ต.แสงภา อ.นาแห้ว จ.เลย เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทยลาว และเป็นเพียงไม่กี่หมู่บ้านของประเทศไทยที่สามารถปลูกแมคคาเดเมียได้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีสภาพภูมิประเทศที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงกว่า 80% ของพื้นที่ ประกอบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นเหมาะแก่การปลูกพืชเมืองหนาวไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอร์รี่ อโวคาโด และแมคคาเดเมีย
นรรถพร สุโพธิ์ เกษตรกรผู้ปลูกแมคคาเดเมีย รุ่นแรกใน อ.นาแห้ว จ.เลย ปัจจุบันเป็นประธานกลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อย ปลูกแมคคาเดเมียมากว่า 20 ปี เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นเกษตรผู้ปลูกแมคคาเดเมีย ว่า เริ่มมาจากเมื่อปี 2534 กองทัพภาคที่ 2 มีแนวความคิดที่จะกำหนดเขตแดนประเทศให้ชัดเจน
ด้วยการจัดตั้งหมู่บ้านเพื่อความมั่นคงชายแดน 2 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านบ่อเหมืองน้อยและบ้านห้วยน้ำผัก เพื่อเป็นสิ่งแสดงอาณาเขตประเทศไทยให้ชัดเจนด้วยคน ต้นไม้ สิ่งปลูกสร้าง ดังนั้นโดยสภาพภูมิประเทศของ อ.นาแห้ว เหมาะแก่การปลูกพืชเมืองหนาว กองทัพภาคที่ 2 จึงนำพันธุ์แมคคาเดเมียมาให้ชาวบ้านในพื้นที่ปลูก เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจของหมู่บ้าน
ขณะที่เหตุผลสำคัญที่ว่าพื้นที่ปลูกจะต้องมีผลต่อความมั่นคงของเขตแดนประเทศในอนาคต จึงได้เลือกแมคคาเดเมียที่ไม่ใช่ไม้ป่าหรือพืชที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะสามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันและบันทึกประวัติศาสตร์ในการจัดตั้งหมู่บ้านสามารถบอกกับคนรุ่นหลังทั้งไทยและลาวได้ว่า พื้นที่ใดมีแมคคาเดเมีย พื้นที่นั้นคือเขตแดนประเทศไทย
ปัจจุบันเกษตรกรบ้านบ่อเหมืองน้อยปลูกแมคคาเดเมีย 75 ครอบครัว มีพื้นปลูก 7,000 ไร่ ให้ผลผลิต 3 หมื่นบาท/ไร่ ซึ่งพื้นที่ปลูกของกลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อยปลูกเอง เพียง 10 ไร่ เมื่อหลายปีก่อนการปลูกแมคคาเดเมียนั้นต้องใช้เวลา 10 ปีถึงจะให้ผลผลิต แต่ปัจจุบันด้วยการดูแลเอาใจใส่ เพียงแค่ 7 ปีแมคคาเดเมียก็ออกผลให้เก็บเกี่ยวได้แล้ว
การเก็บแมคคาเดเมียนั้นเกษตรกรจะต้องเลือกเก็บลูกที่ร่วงลงพื้นดิน เนื่องจากแก่เต็มที่แล้ว หลังจากนั้นก็ทำการกะเทาะเปลือกสีเขียวออก แล้วนำไปผึ่งลมเป็นเวลา 1 เดือน แล้วนำไปอบด้วยอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส และอบธรรมชาติด้วยอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 72 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำมาแปรรูป
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแมคคาเดเมียของกลุ่มแปรรูปผลผลิตทางเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อย มีทั้งแมคคาเดเมียอบเกลือ คุกกี้แมคคาเดเมีย แมคคาเดเมียเคลือบช็อกโกแลต ถั่วตัดที่ใช้แมคคาเดเมีย เนยถั่วจากแมคคาเดเมีย รวมถึงน้ำมันที่สกัดจากแมคคาเดเมีย
แมคคาเดเมีย ผลิตผลจากทรัพยากรมีค่าที่แสดงถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์บ้านบ่อเหมืองน้อยซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตามโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย โครงการเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งผลิตอาหารตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้พืชเศรษฐกิจได้รับการสนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
จากการปลูกเพื่อเรียนรู้ ปลูกเพื่อสร้างป่า จนกลายมาเป็นผลผลิตแปรรูปที่มากคุณค่า จนได้รับรางวัลโอท็อป 5 ดาวระดับประเทศ และในปี 2556 สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ผลักดันให้แมคคาเดเมียของกลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อยเข้าสู่ SMEs
จากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงรับสั่งให้กรมราชองค์รักษ์และ สสว.เข้ามาดูแลกลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อย พร้อมกับให้ความรู้ในการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
สุพิศิษฐ์ นามวงษา ที่ปรึกษาโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า ได้เข้ามาวิเคราะห์และประเมินศักยภาพของกลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อย ตามที่ทางกลุ่มฯ ได้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกับทาง สสว.
สำหรับจุดเด่นของกลุ่มฯ จากการประเมินผล คือ ตัวแมคคาเดเมียที่หาทานยากมีไม่กี่อำเภอที่ปลูกได้ และอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ส่วนจุดด้อยที่ควรนำไปปรับปรุง คือ การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีระบบมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงแบรนด์สินค้าที่แต่ก่อนใช้ชื่อเกษตรภูสวนทรายแต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ “แมคนัท” เลย”
นอกจากนี้ ยังได้แนะนำการทำแผนธุรกิจและช่องทางการตลาดเพื่อกระจายสินค้าออกสู่ผู้บริโภคให้มากขึ้น แต่ปัญหาหลัก คือ จำนวนแมคคาเดเมียที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดซึ่งทางกลุ่มก็จะรับซื้อแมคคาเดเมียจากภูเรือและด่านซ้าย จ.เลย เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ในระยะยาวต้องเพิ่มพื้นที่ปลูก
ที่ปรึกษาโครงการยังได้แนะนำว่า การทำสื่อออนไลน์จะเข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น รวมถึงแนะนำการออกบูธแสดงสินค้าตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้คนได้รู้จักแมคนัทเลย ผลิตภัณฑ์บ้านบ่อเหมืองน้อย ซึ่งอยู่บนเทือกเขาแนวชายแดนไทยลาว ดินแดนเหนือสุดของภาคอีสาน


