มือถือเปื้อนเลือด
โทรศัพท์มือถือ (Mobile or Cell Phone) หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน เป็นมากกว่าโทรศัพท์ ด้วยนวัตกรรมการออกแบบของมนุษย์บวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศและกลยุทธ์การตลาดได้บูรณาการร่วมกัน เข้าตีโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ตรงความต้องการอย่างถ่องแท้ตามหลักการตลาดแบบ STP Marketing ซึ่งเป็นได้ทั้งโทรศัพท์ไร้สายโทรที่ไหนก็ได้ เป็นกล้องถ่ายรูปได้ เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถส่งข้อมูล ภาพ เสียง เล่นเกม และนวัตกรรมอื่นๆ ได้อีกมากมาย ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้น การมีโทรศัพท์มือถือเพื่อความจำเป็นพื้นฐานเป็นเรื่องที่ดีที่ควรมีใช้เพื่อรองรับการดำเนินชีวิตที่ยุ่งยากมากขึ้น แต่หากมีไว้เพื่อสนองความต้องการที่ไม่จำเป็น เช่น เล่นเกม พูดคุยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างเสียเวลา ไร้สาระ มีไว้นินทาปล่อยข่าวสร้างความเสียหายกันทั่วไปจากความคิดเห็นในวงกว้างที่ขาดการกลั่นกรองและความน่าเชื่อถือ การมีโทรศัพท์มือถือก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น
โทรศัพท์มือถือ (Mobile or Cell Phone) หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน เป็นมากกว่าโทรศัพท์ ด้วยนวัตกรรมการออกแบบของมนุษย์บวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศและกลยุทธ์การตลาดได้บูรณาการร่วมกัน เข้าตีโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ตรงความต้องการอย่างถ่องแท้ตามหลักการตลาดแบบ STP Marketing ซึ่งเป็นได้ทั้งโทรศัพท์ไร้สายโทรที่ไหนก็ได้ เป็นกล้องถ่ายรูปได้ เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถส่งข้อมูล ภาพ เสียง เล่นเกม และนวัตกรรมอื่นๆ ได้อีกมากมาย ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้น การมีโทรศัพท์มือถือเพื่อความจำเป็นพื้นฐานเป็นเรื่องที่ดีที่ควรมีใช้เพื่อรองรับการดำเนินชีวิตที่ยุ่งยากมากขึ้น แต่หากมีไว้เพื่อสนองความต้องการที่ไม่จำเป็น เช่น เล่นเกม พูดคุยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างเสียเวลา ไร้สาระ มีไว้นินทาปล่อยข่าวสร้างความเสียหายกันทั่วไปจากความคิดเห็นในวงกว้างที่ขาดการกลั่นกรองและความน่าเชื่อถือ การมีโทรศัพท์มือถือก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น
ปัจจุบัน คนทั่วไปใช้โทรศัพท์มากกว่า 1 เครื่อง อาจเพื่อใช้สำรองตอนแบตเตอรี่หมด หรือเพราะเครื่องเดิมไม่ทันสมัยจึงต้องซื้ออีกเครื่อง ถ้าเป็นนักธุรกิจร้อยล้านก็พอมีเหตุผล แต่ถ้าไม่มีภารกิจมากมีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็มากเกินพอแล้ว เมื่อมนุษย์ถูกกลไกการตลาดยั่วยวนสร้างกิเลสให้เกิดขึ้น เช่น ถ้าซื้อซิมการ์ดใหม่จะได้โปรโมชั่นเสริมที่ดีกว่าเลขหมายเดิมๆ แต่เลขเดิมก็ไม่กล้ายกเลิก เพราะคนอื่นจะติดต่อเราไม่ได้ แต่ปัจจุบันกฎหมายคงสิทธิเลขหมาย (Number Port) ใช้ได้แล้วก็ยิ่งทำให้ผู้คนไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ แล้วทิ้งเครื่องเก่าไว้อย่างไม่เสียดาย การโฆษณาโทรศัพท์แบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันด้วยการนำเสนอนวัตกรรม ลูกเล่นใหม่ๆ ทำให้ผู้คนอยากมีอยากได้ อยากซื้อ เมื่อได้โทรศัพท์มา ก็ต้องเสียเงินซื้อบริการเครือข่ายทั้งโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน ยิ่งเล่นมาก คุยมาก ก็เสียเงินมากขึ้น กิเลสถูกปลุกเร้าจากเพื่อนๆ และคนรู้จักในเครือข่ายอย่างไม่จบไมสิ้น จากสาระที่ต้องพูดคุยก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระมากขึ้น
ทุกวันนี้จึงทำให้คนมีมือถือใช้กันเต็มบ้านเต็มเมืองอย่างไม่รู้จักพอ เสียเงินไปบริโภคนวัตกรรมที่เกินจำเป็น โดยไม่ตระหนักรู้เท่าทันเกมการตลาดด้านมืดของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โทรศัพท์มือถือ ดังนั้นก่อนจะเปลี่ยนมือถือใหม่ เราในฐานะผู้ใช้ควรรับรู้ข้อมูลเหล่านี้ไว้บ้าง
ในเว็บไซต์พันทิปเคยโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ “มือถือเปื้อนเลือด” ซึ่งกล่าวไว้ว่า 1,222,245,200,000 เครื่อง คือยอดขายโทรศัพท์มือถือในปี 2551 จากสถิติของ Worldwatch institute ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องในปัจจุบันมีอยู่ราว 14 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งนับว่าน้อยกว่าอายุการใช้งานจริงที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่มือถือยุคใหม่ไม่ได้ทำอะไรออกมาสนองความต้องการมากนัก และระยะเวลาในการใช้งานอาจจะน้อยเกินไป ผู้ใช้มือถือใช้เป็นเพียงอุปกรณ์เสริมความมั่นใจและใช้งานเพื่อความสำราญใจ ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกครั้งหลังการโฆษณา เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเทรนด์และได้ของที่ฉลาดสุดๆ อยู่ในมือ สิ่งที่น่าสะเทือนใจก็คือ ข่าวการวางจำหน่าย iPhone 4S โดยการจองผ่านทางเว็บไซต์ ปรากฏว่ายอดจองเต็มหมด ซึ่งจากกระแสการตอบรับเหล่านี้อาจจะเกิดปรากฏการณ์ต่อแถวของฝูงชนตามมาอีกด้วย เพื่อครอบครอง iPhone 4S ซึ่งในทรรศนะของผู้เขียนรู้สึกว่า ผู้บริโภคเหล่านั้นมีโทรศัพท์ใช้กันแล้วทุกคน จะต้องการโทรศัพท์เพิ่มอีก 1 เครื่อง เพียงเพราะเทคโนโลยีไปเพื่ออะไรกัน บางคนจำเป็นต้องเลหลังขาย Smartphone ตัวเก่า เพื่อนำเงินทุนมาซื้อเครื่องใหม่ ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ บางครั้งเครื่องเก่าก็ทิ้งไว้อย่างไร้ประโยชน์ ซึ่งเราอาจไม่ทราบกันว่า เบื้องหลังยอดขายหลายล้านๆ เครื่องในแต่ละปี ประกอบกับความยินดีที่ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอันสุดโต่งนี้ มันหมายถึง “น้ำตา ฝันร้ายและความตาย” ของชาวคองโกนับล้านชีวิต ทั้งนี้ยังไม่นับรวมการฆาตกรรมหมู่ในป่าลึก ตลอดจนความตายของกอริลลายักษ์ที่อาจเหลือฝูงสุดท้ายในรวันดา เหล่านี้เป็นตัวเชื่อมที่ทำให้มือถือโยงไปถึงสงครามร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์แอฟริกา คือ Columbite – tantalite (อ่านต่อฉบับหน้า)
จากหนังสือ “การตลาดไม่รู้จักพอ” (Ending Marketing) โดย กุลฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา สำนักพิมพ์โพสต์บุ๊กส์


