"คลาวด์"แข่งดุชูแอพเด็ดเจาะองค์กร
แนวโน้มการใช้คลาวด์ในโลกธุรกิจกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนได้จากมูลค่าการใช้คลาวด์ทั่วโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์
หนึ่งในกระแสของโลกไอทียุคใหม่คงหนีไม่พ้น “คลาวด์ คอมพิวติ้ง” (Cloud Computing) หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า ระบบคลาวด์ ซึ่งแม้ว่าจะบูมในไทยมากว่า 3 ปีแล้ว และคนบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่ก็มีโอกาสใช้คลาวด์ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เช่น เฟซบุ๊ก อีเมล เว็บไซต์ฝากรูปภาพ ฝากไฟล์บนออนไลน์ ฯลฯ เพียงแต่อาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ใช้งานอยู่นั้นก็คือ คลาวด์ นั่นเอง จึงยังถือว่าคลาวด์เป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้บริโภคคนไทย
หากกล่าวถึงคลาวด์สั้นๆ อีกครั้ง คงต้องให้นิยามเกี่ยวกับเจ้าก้อนเมฆบนโลกออนไลน์ว่า เป็นคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของโลกออนไลน์ ซึ่งผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีล้วนพยายามผลักดันให้องค์กรหันมาทำงานบนระบบของคลาวด์ เพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี เพราะเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่
แนวโน้มการใช้คลาวด์ในโลกธุรกิจกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนได้จากมูลค่าการใช้คลาวด์ทั่วโลก โดยบริษัทวิจัยไอดีซี ได้ประเมินไว้ว่าการใช้คลาวด์ทั่วโลกในปี 2012 มีมูลค่าอยู่ที่ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจนถึงในปี 2017 มูลค่าการใช้ระบบคลาวด์จะเติบโตเป็น 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัท เอสเอพี (SAP) หนึ่งในรายใหญ่ของผู้ให้บริการด้านระบบเทคโนโลยีครบวงจรออกแบบโซลูชั่นระบบการทำงานบนคลาวด์ที่เหมาะกับองค์กรขนาดเล็ก เพื่อเจาะกลุ่มเอสเอ็มอีทั่วโลก โดยในส่วนของไทยซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของระบบคลาวด์ จึงอยู่ระหว่างผลักดันให้เอสเอ็มอีไทยเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจากออนพรีมิส (On-Premise) หรือระบบที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในขณะนี้เป็นออนคลาวด์ (On-Cloud)
ลีเฮอร์ ออบิซูร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอพี ประจำภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า ฐานลูกค้าของเอสเอพีทั่วโลกรวมถึงตลาดในไทยสัดส่วนสูงถึง 80% เป็นลูกค้าเอสเอ็มอี ส่วนอีก 20% เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงทำงานแบบออนพรีมิส แต่มีแนวโน้มที่จะหันมาทำงานแบบออนคลาวด์มากขึ้น สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตเฉลี่ยการให้บริการคลาวด์ของเอสเอพี สูงถึง 39%
กลยุทธ์ในการทำตลาดคลาวด์กับเอสเอ็มอีไทย ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการทำงานบนคลาวด์เป็นเรื่องง่าย ใช้ได้กับทุกดีไวซ์ (Device) ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเสร็จก็ใช้งานได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา ไม่มีข้อจำกัด ทำให้การบริหารจัดการองค์กรสะดวก รวดเร็ว ดูข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงกันแล้วตัดสินใจทางธุรกิจได้ทันที
นอกจากนี้ เมื่อแอพพลิเคชั่นนั้นๆ มีการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็จะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้อัพเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งเมื่ออัพเดตเสร็จก็ใช้งานได้ทันที คล้ายกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนสมาร์ทโฟน และประการสุดท้าย นั่นคือ สามารถเลือกใช้เฉพาะโซลูชั่นที่ต้องการ ไม่ต้องซื้อทุกโซลูชั่น ใช้เท่าไรจ่ายเท่านั้น
นี่คือข้อแตกต่างสำคัญของระบบการทำงานบนคลาวด์กับซอฟต์แวร์แบบออนพรีมิสในอดีตที่คาดว่าจะทำให้เอสเอ็มอีไทยสนใจระบบคลาวด์มากขึ้น
การให้บริการระบบคลาวด์ของเอสเอพี มีหลากหลายโซลูชั่น เช่น ระบบมอนิเตอร์ข้อมูลบนโลกโซเชียลมีเดีย ที่จะเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ได้ ชอบทำอะไร ไปเที่ยวไหน กินอะไร เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้นักการตลาดคิดกลยุทธ์ที่เจาะความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภคได้ ระบบบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ หรือเอชอาร์
ระบบจัดซื้อที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย (ARIBA) ระบบจัดการงานขายและลูกค้า ระบบซีอาร์เอ็มออนคลาวด์ ระบบควบคุมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เจาะกลุ่มขนส่ง หรือธุรกิจที่มีรถขนส่งสินค้า ระบบบริหารจัดการแอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่ใช้ในองค์กร ระบบวิเคราะห์ทางการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุน ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ใช้สื่อสารภายในองค์กร
สำหรับระบบคลาวด์ของเอสเอพีที่ได้รับความนิยมในตลาดเมืองไทย 3 อันดับแรก คือ ระบบเอชอาร์ ระบบจัดซื้อที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย (ARIBA) และระบบซีอาร์เอ็มออนคลาวด์ โดยการแข่งขันทางธุรกิจที่ดุเดือดขึ้น และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 จะทำให้ความต้องการทำงานบนคลาวด์สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมผู้ใช้งานขององค์กรไทยจะยังไม่โยกย้ายไปทำงานบนคลาวด์แบบ 100% โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่จะใช้งานแบบผสมผสาน คือ บางส่วนยังทำงานแบบออนพรีมิส เช่น ส่วนที่เป็นข้อมูลหัวใจสำคัญขององค์กร เป็นความลับขององค์กรจะยังเก็บอยู่ในระบบออนพรีมิสและบางส่วนก็ทำงานบนคลาวด์เต็มระบบ
ขณะที่ สุทธิศักดิ์ จันทรจำนง ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายแอพพลิเคชั่น บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาระบบที่สามารถเพิ่มศักยภาพเทคโนโลยี ออราเคิล มาร์เก็ตติ้ง คลาวด์ (Oracle Marketing Cloud) สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการใช้เครื่องมือที่สามารถวิเคราะห์และบูรณาการข้อมูลของลูกค้าที่มาจากหลายช่องทาง เพื่อให้ฝ่ายการตลาดขององค์กรได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และพร้อมสำหรับการนำข้อมูลไปต่อยอดทางธุรกิจ
นอกจากนี้ ออราเคิล ยังเสริมประสิทธิภาพการทำงานของกลุ่มโซลูชั่นทางการตลาดอย่างครบครัน ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการช่องทางการตลาดได้อย่างเป็นบูรณาการ และเข้ากับการตลาดสมัยใหม่ยุดดิจิทัล
นอกจากจะต้องพยายามดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการระบบคลาวด์ด้วยการสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการทำงานบนคลาวด์ที่มีความเสถียรแล้ว แอพพลิเคชั่นหรือเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในการใช้งานบนระบบเป็นอีกหนึ่งหมัดเด็ดที่แต่ละค่ายต้องแข่งกัน ใครที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีกว่าก็ย่อมได้เปรียบกว่าแน่นอน


