อุตฯรถยนต์โตเย้ยม็อบ4เดือนแรกพุ่งเท่าตัว

มองในมุมที่ว่าตัวเลขการผลิตในปี 2552 ที่ผ่านมาตกต่ำลงไปมากแต่การกลับมาสู่ภาวะปกติในเวลาแค่ 1 ปี ก็ถือเป็นผลงานชั้นยอด

โดย...ทีมข่าวธุรกิจตลาด

รายงานตัวเลขการผลิตรถยนต์ของเดือน เม.ย. 2553 และยอดผลิตรวมสำหรับเดือน ม.ค.-เม.ย. 2553 ที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงาน ถือว่ามีนัยสำคัญที่ทำให้ประเมินภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมในช่วงที่เหลือของปีว่าค่ายรถแต่ละราย ต่างก็พร้อมที่จะทุ่มเทพละกำลังให้กับอุตสาหกรรมนี้อย่างเต็มที่

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์เดือน เม.ย. 2553 มี 105,044 คัน เพิ่มขึ้น 95.82% เทียบเดือน เม.ย. 2552 แต่ลดลง 30.55% จากเดือน มี.ค. 2553 ทำให้ตัวเลขการผลิตรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 487,973 คัน เพิ่มขึ้นถึง 93.17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากปีก่อนหน้านี้ หากมองในมุมที่ว่าตัวเลขการผลิตในปี 2552 ที่ผ่านมาตกต่ำลงไปมากเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงปีที่ผ่านมาประสบปัญหาอย่างรุนแรงแต่การกลับมาสู่ภาวะปกติในเวลาแค่ 1 ปี ก็ถือเป็นผลงานชั้นยอดที่ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยต้องได้รับคำชมไปเต็มๆ

ตัวเลขการจำหน่ายในประเทศที่เติบโตอย่างมากในช่วงต้น รวมไปถึงยอดการส่งออกที่เติบโตขึ้นกว่า 99.35% ในเดือน เม.ย. มาอยู่ที่ 57,139 คัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 26,437.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99.23% จากเดือน เม.ย. 2552 ทำให้การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 273,824 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2552 ที่ 63.51% มีมูลค่าการส่งออก 128,559.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.72%

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานฯ และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมระหว่างผู้ประกอบการ และได้ตกลงกันแล้วว่าจะมีการทำสรุปเป้าหมายการผลิต การจำหน่ายในประเทศและการส่งออกใหม่ เนื่องจากการเติบโตในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ถือว่าเติบโตเหนือกว่าเป้าหมายอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายตัวเลขจะปรับขึ้นไปเป็นเท่าไร นายศุภรัตน์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเดือน มิ.ย.นี้ เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ไม่นิ่งอีกมาก ไม่ว่าจะเรื่องวิกฤตการณ์การเงินของกรีซ ราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะกระทบกับตลาดส่งออกได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือเป้าหมายใหม่ คาดว่าจะไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านคัน อย่างแน่นอนสำหรับการผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้

รวมทั้งจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทย ก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกระดับโลกอย่างแท้จริง!!!