บุกประมงพม่า-ลาว
รัฐแนะลุยรับผลผลิตไทยจ่อฝืดยาวพร้อมเป็นข้อต่อเชื่อมท้องถิ่น
รัฐแนะลุยรับผลผลิตไทยจ่อฝืดยาวพร้อมเป็นข้อต่อเชื่อมท้องถิ่น
กรมประมงหนุนลงทุนพม่าลาว ขยายโอกาสผู้ประกอบการ หลังผลผลิตสัตว์น้ำไทยโตยาก
นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมกำลังพยายามให้ข้อมูลโอกาสการเข้าไปลงทุนธุรกิจประมงในประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียนแก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะพม่าและลาว เนื่องจากเป็น 2 ประเทศ ที่มีศักยภาพพร้อมรองรับผู้ประกอบการประมงไทย
ธุรกิจประมงเป็นอีกสาขาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ผลที่ตามมาจะมีทั้งโอกาสในการใช้ประโยชน์ของธุรกิจในสาขาที่ได้เปรียบ ขณะเดียวกันก็จะมีส่วนที่จะได้รับผลกระทบ ซึ่งต้องมีการเตรียมการปรับตัวและกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสาขาที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่า
ทั้งนี้ ในปี 2549 ไทยมีผลผลิตสัตว์น้ำเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย แต่ปัจจุบันผลผลิตสัตว์น้ำของไทยมีปริมาณลดลงเฉลี่ย 6.21% ต่อปี ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำของไทยในปี 25522553 น้อยกว่าเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ในอนาคตผลผลิตสัตว์น้ำยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งต้นทุนการทำธุรกิจในไทยยังสูงกว่า การเข้าไปในพม่าและลาวจึงเป็นการขยายโอกาส
สำหรับพม่าถือเป็นประเทศที่เหมาะแก่การลงทุนร่วมธุรกิจเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล เนื่องจากพม่ามีต้นทุนการดำเนินธุรกิจต่ำกว่าไทยชัดเจน และกฎหมายส่งเสริมการลงทุนปี 2556 ของพม่ายังเปิดโอกาสให้เอกชนไทยเข้าไปลงทุนได้ง่ายขึ้น
ขณะที่ลาวมีธุรกิจที่น่าสนใจ คือ การเพาะพันธุ์ปลานิล หรือปลาน้ำจืดชนิดต่างๆ เนื่องจากลาวมีการเลี้ยงปลานิลในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาจำนวนมาก อีกทั้งกรมประมงและเอกชนของลาวยังไม่มีความชำนาญด้านการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังสามารถเพาะเลี้ยงปลานิลเพื่อการส่งออกได้ด้วย ปัจจุบันเริ่มมีนักลงทุนจากจีนและเวียดนามเข้าไปลงทุนเลี้ยงปลาในกระชังบ้างแล้ว
ด้านผู้ประกอบการประมงไทยที่สนใจจะขยายการลงทุนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน กรมประมงและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยินดีที่จะช่วยประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ สมาคม และชมรมด้านประมงของประเทศเหล่านี้ ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการให้พร้อมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
นอกจากนี้ น.ส.วารินทร์ ธนาสมหวัง ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการประมง กล่าวว่า หลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายเตรียมความพร้อมของภาคการเกษตรรองรับการเข้าสู่เออีซี กรมจึงเตรียมมาตรการต่างๆ ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมตรวจสอบการนำเข้าส่งออกสินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐาน เพื่อสร้างมาตรฐานการผลิตในส่งออกและเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันให้อุตสาหกรรมประมงไทยในตลาดเออีซี


