ประชาพิจารณ์คูปองทีวี4ภาค

กสทช.ฟิตหนักการันตี15วันรู้ผลแน่สั่งทีวีพูลเพิ่มผังรายการข่าวภายใน7วัน

สั่งทำประชาพิจารณ์แจกคูปองทีวี 4 ภาค ขณะที่ กสท. ร่อนหนังสือเตือนทีวีพูลปรับผังใน 7 วัน

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. แจ้งว่า ให้นำโครงการแจกคูปองส่วนลดซื้ออุปกรณ์ทีวีดิจิทัล 2.5 หมื่นล้านบาท ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หลังจากมีคำสั่งให้ชะลอโครงการเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ เมื่อรับฟังความคิดเห็นและได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมูลค่าคูปองและหลักเกณฑ์การแจกคูปองที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ กสทช.นำเสนอผ่านคณะอนุกรรมการ ติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อเสนอต่อ คสช.อีกครั้ง

สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ บอร์ด กสทช. จะประชุมในวันที่ 25 มิ.ย. เพื่อเห็นชอบ วันเวลาประชาพิจารณ์ จากนั้นจะเปิดรับฟังความคิดเห็นใน 4 จังหวัดทั่วประเทศ คือ จ.เชียงใหม่ สงขลา ขอนแก่นและกรุงเทพมหานคร โดยประเด็นที่นำไปประชาพิจารณ์ คือ ราคาคูปอง 1,000 บาท เงื่อนไขการใช้คูปอง และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะเร่งกระบวนการรับฟังความคิดเห็นให้เสร็จภายใน 15 วัน

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด กสท. เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีมติให้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยัง บริษัท ไทยทีวี เครือทีวีพูล เจ้าของช่องข่าวทีเอชวีและช่องเด็ก โลก้า (LOCA) ให้ปรับผังรายการใหม่เป็นไปตามประกาศ กสทช. ภายใน 7 วัน

เนื่องจากไทยทีวีซึ่งเป็นช่องข่าวได้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาข่าวและสาระในสัดส่วนเพียงแค่ 39.39% ขณะที่ประกาศของ กสทช.กำหนดให้ช่องข่าวต้องมีเนื้อหาที่เป็นข่าวและสาระในสัดส่วน 50% ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาไพรม์ไทม์ตั้งแต่เวลา 18.3022.30 น. ต้องเป็นรายการข่าวและสาระ ขณะที่ช่องไทยทีวีพบว่า มีสัดส่วนข่าวในช่วงไพรม์ไทม์เพียงแค่ 4% เท่านั้น ถือว่าขัดกับประกาศเพราะข่าวบันเทิงไม่ถือเป็นข่าวและสาระตามประกาศ กสทช.

ขณะที่ช่องเด็กโลก้ามีสัดส่วนรายการที่เป็นสาระ 13% ต่ำกว่าประกาศของ กสทช. ที่กำหนดให้ช่องเด็กและครอบครัวมีสัดส่วนสาระ 25% จึงได้สั่งการให้บริษัทปรับผังรายการใหม่ให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. รวมทั้งได้ให้คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เรียกบริษัทมาหารือในกรณีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองช่องยังสามารถออกอากาศได้ตามปกติอยู่ เพราะถือเป็นการเสนอผังครั้งแรกของการออกอากาศในระบบทีวีดิจิทัลและ กสทช. ก็มีมาตรการในการดำเนินตามขั้นตอนโดยการพิจารณาในครั้งนี้มาจากการที่ กสท. ให้บริษัทที่ออกอากาศทีวีดิจิทัลจัดเสนอ แผนผังรายการประจำปี ซึ่งทางไทยทีวีเสนอแผนมาช้าที่สุดและต้องมีการปรับ แก้ผังรายการใหม่ด้วย