posttoday

บานาน่า โซไซตี้ พลิกโฉมกล้วยตากไทย

18 มิถุนายน 2557

โดย ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์

โดย ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์

แม้จะเป็นขนมที่อยู่เคียงคู่คนไทย โดยเฉพาะชาวจังหวัดพิษณุโลก มาเป็นเวลายาวนาน ทว่า ต้องยอมรับว่า “กล้วยตาก” นั้นอาจไม่ใช่ขนมที่ได้รับความนิยมมากนักในหมู่คนรุ่นใหม่เมื่อเทียบกับขนมขบเคี้ยวชนิดอื่นๆ

นับเป็นความท้าทายที่ผลักดันให้วิสาหกิจชุมชนกล้วยตากบุปผา จากอำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ภายใต้การนำของนายวุฒิชัย ชะนะมา มุ่งมั่นที่จะพัฒนากล้วยตากให้กลายเป็นสินค้าระดับพรีเมียม ที่นอกจากจะผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย และทันสมัยแล้ว ยังมีจุดขายที่พิเศษไม่เหมือนใคร ไร้ซึ่งความจำเจเหมือนแต่ก่อน จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์กล้วยตากภายใต้แบรนด์

“บานาน่า โซไซตี้” (Banana Society) หรือสังคมกล้วย

จุดเด่นของกล้วยตากบานาน่า โซไซตี้ คือ กล้วยทั้งหมดนั้นผ่านการอบด้วยเครื่องอบพลังงานแสงอาทิตย์ (พาราโบลาร์โดม) ซึ่งทางวิสหากิจชุมชนได้ร่วมวิจัยและพัฒนาขึ้นกับอาจารย์เสริม จันทร์ฉาย อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศิลปกร โดยที่เครื่องอบสุดล้ำดังกล่าวนั้นมีมูลค่าสูงถึง 1.2 ล้านบาท

วุฒิชัยเล่าว่า ข้อดีของการอบกล้วยด้วยเครื่องอบพลังงานแสงอาทิตย์ คือ นอกจากจะร่นระยะเวลาในการอบให้สั้นลงแล้ว ยังช่วยให้กล้วยตากสะอาดและปลอดภัย เพราะปราศจากฝุ่นและแมลง ผิดกับการตากกล้วยแบบตากแดดตากลมแบบดั้งเดิม

นอกจากนี้ บานาน่า โซโซตี้ ยังสร้างความฮือฮาด้วยการคิดค้นกล้วยตากรสชาติใหม่ๆ อาทิเช่น กล้วยตากเคลือบช็อกโกแลต อัลมอนด์ และสตอร์เบอร์รี รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดอย่าง บานาน่า ไซรัป ซึ่งทางกลุ่มได้จดอนุสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบั้น บานาน่า โซไซตี้ สามารถขยายธุรกิจจนมีสินค้ามากถึง 6 ชนิด ขณะที่กำลังการผลิตนั้นอยู่ที่ราว 12,000 ชิ้นต่อวัน

“เราไม่อยากให้กล้วยตากมีแต่ความจำเจ เพราะที่ผ่านมาก็จะมีแต่กล้วยตากแบบธรรมชาติและแบบชุบน้ำผึ้ง” วุฒิชัย เล่าที่มาของกล้วยตากรสต่างๆ

นับเป็นผู้ผลิตกล้วยตากเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยีเครื่องอบพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการผลิต รวมทั้งเป็นเจ้าแรกที่ผลิตกล้วยตากหลากรสชาติอีกด้วย โดยทั้งหมดนี้เกิดจากการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน ประกอบกับความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนากล้วย ซึ่งทำร่วมกับหลายหน่วยงานไล่เรียงตั้งแต่มหาวิทยาลัยศิลปกร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ตลอดจนคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.)

ขณะเดียวกัน บานาน่า โซไซตี้ ยังให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์สินค้า โดยต้องการให้มีความทันสมัย โดดเด่น และจดจำง่าย เพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งก็คือ ตลาดบนหรือพรีเมียมนั่นเอง

ในส่วนของช่องทางการจำหน่ายสินค้านั้น บานาน่า โซไซตี้ วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าขั้นนำอาทิเช่น เดอะมอลล์ สยามพารากอน ตลอดจนคิงเพาเวอร์ และร้านสะดวกซื้อเซเวน อีเลฟเวน

ความสำเร็จของบานาน่า โซไซตี้พิสูจน์ได้จากการได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์โอทอป 4 ดาว และที่สำคัญก็คือ ยอดส่งออก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 35% ของการผลิตทั้งหมด

ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยตลาดส่งออกหลักๆ นั้น คือ จีน และสหรัฐ

นอกจากนี้ ทางบานาน่า โซไซตี้ ยังประสบความสำเร็จในการจับตลาดในส่วนของผู้บริโภคอายุต่ำกว่า 25 ปี

หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งวุฒิชัยยอมรับว่า แต่ก่อนนั้น น้อยคนที่จะยอมควักเงินซื้อกล้วยตากมาทานเล่น ทว่า ดูเหมือนว่า ค่านิยมดังกล่าวจะเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ แล้ว อันเป็นผลพวงมาจากความโดดเด่นของกล้วยตากบานาน่า โซไซตี้

ทว่า สำหรับวุฒิชัยแล้ว ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับการยกระดับ “สังคมกล้วย” ให้หลากหลาย พัฒนาในทุกๆ ด้าน ยกระดับชุมชนท้องถิ่นจนเป็นที่ยอมรับ เพื่อที่เวลาคนนึกถึงกล้วย จะต้องนึกถึงบานาน่า โซไซตี้ พร้อมกับเห็นรากเหง้าของชุมชน

เรียกได้ว่า บานาน่า โซไซตี้ นั้น คือ ผลสำเร็จจากการผสมผสานภูมิปัญญาชาวบ้านเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ลงตัวพอดิบพอดี จนออกมาเป็นกล้วยตากพรีเมียมที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์