6 ความจริงที่ต้องเจอ ถ้าอยากรวย!
คนเราจะรวยนั้น แน่นอนว่ามันไม่ได้มีวิธีบอกแน่นอนอยู่แล้ว คนนึงอาจจะถูกลอตเตอรี่แจคพอตรางวัลที่หนึ่ง อีกคนอาจจะความรู้ดีมีความสามารถเลยมีเงินเดือนสูง 6-7 หลัก หรือบางคนอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เด็ก แต่กระนั้น การที่เราจะรวย หรือเพิ่มโอกาสในการเป็นคนรวยให้มากขึ้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียว เพียงแต่ว่าเราต้องมุ่งมั่นจริง และเผชิญกับความจริง 6 ข้อต่อไปนี้
คนเราจะรวยนั้น แน่นอนว่ามันไม่ได้มีวิธีบอกแน่นอนอยู่แล้ว คนนึงอาจจะถูกลอตเตอรี่แจคพอตรางวัลที่หนึ่ง อีกคนอาจจะความรู้ดีมีความสามารถเลยมีเงินเดือนสูง 6-7 หลัก หรือบางคนอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เด็ก แต่กระนั้น การที่เราจะรวย หรือเพิ่มโอกาสในการเป็นคนรวยให้มากขึ้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียว เพียงแต่ว่าเราต้องมุ่งมั่นจริง และเผชิญกับความจริง 6 ข้อต่อไปนี้
คุณต้องลงทุน
ต้องยอมรับว่า หากพูดถึงการลงทุน ไม่ใช่ทุกคนที่ยิ้ม หรือหัวเราะใส่ แต่บางคนถึงกลับกลัวเลยทีเดียว เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องที่ถ้าพลาดอาจกลายเป็นหายนะ มากกว่าเรื่องที่ดี จากการเปิดเผยของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อปลายปี 2556 พบว่า ในบรรดาเศรษฐีทั้งหมด 148 คนที่ลงฟอร์บส์ฉบับนั้น ส่วนมากร่ำรวยขึ้นมาได้จากการลงทุน ไม่ว่าจากการเล่นหุ้น การทำอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ นอกจากที่มันทำให้คุณได้เงินจำนวนมากแล้ว เงินเหล่านั้นในภายหลังของการลงทุนยังเป็นสิ่งที่เรียกว่า "Passive Income” หรือรายได้ที่งอกเงยโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องทำงานแบบจริงๆ จังๆ เพราะปล่อยให้เงินทำงานแทนคุณ เป็นต้น
คุณต้องเริ่มตอนนี้
เมื่อคุณฝากเงินเพื่อลงทุน คุณได้รับดอกผลในรูปของดอกเบี้ย และสิ่งที่ทำให้เงินคุณงอกเงยจริงๆ คือสิ่งที่เรียกว่าดอกเบี้ยทบต้น กล่าวคือ ดอกเบี้ยของคุณ งอกดอกเบี้ยออกมาอีกเรื่อยๆ เป็นทอดๆ เมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่งเพิ่มขึ้นๆ จากพัน เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เพราะฉะนั้น ง่ายๆ คือ ยิ่งเริ่มเร็ว คุณก็รวยเร็ว
นอกจากนี้ คำว่า "เริ่มเลย" ไม่ใช่แค่การออมเงินเท่านั้น แต่หมายถึงการหาเงินด้วย หรือ การทำงาน ยิ่งคุณเริ่มทำงานเร็ว ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เริ่มทันทีที่มีโอกาส ก็ยิ่งทำให้คุณเดินเข้าใกล้ความรวยมากขึ้น
การหาเงินคือเรื่องยาก
เป็นความจริงที่ต้องยอมรับเลยว่า เงินไม่ได้หามาได้ง่ายๆ และคุณต้องทำงานหนักถ้าอยากรวย หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล เคยเปิดเผยรายงานว่า นักธุรกิจ หรือเศรษฐีส่วนมากที่ทำรายได้ 100,000 เหรียญสหรัฐต่อปีขึ้นไป หรือ 3 ล้านบาทขึ้นไปนั้น ใช้เวลาของเขาเพียง 1/5 เท่านั้นไปกับการพักผ่อน และอีกไม่น้อยที่ตื่นก่อนเวลาทำงานถึง 3 ชั่วโมง
คุณอาจจะใช้เงินมากไปหรือเปล่า
คุณต้องจำไว้ว่า ทุกบาททุกสตางค์ของคุณ สามารถนำไปลงทุน เพื่อดอกเบี้ยทบต้นอันแสนหวานที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น เราไม่ได้บอกว่า คุณไม่ควรใช้เงินเลยถ้าอยากรวย เพราะถึงอย่างไร เงินต้องถูกใช้บ้างเพื่อความสุขในชีิวิต แต่ถ้าหากคุณอยากรวยจริงๆ มีความมุ่งมั่นจริงๆ ยิ่งคุณใช้น้อยมากเท่าไหร่ คุณก็รวยเร็วขึ้นเท่านั้น
ไม่ใช่แค่ใช้เงินน้อย แต่ต้องหาเงินเพิ่มด้วย
การประหยัดเงินคือเรื่องที่ดี อย่างเช่น คุณอยากกินกาแฟ แทนที่คุณจะออกจากบ้านไปกินกาแฟแก้งละร้อยกว่าบาท คุณเลือกที่จะชงกาแฟกินเองที่บ้าน นี่คือเรื่องที่ดี เพราะช่วยให้คุณเหลือเงินออมมากขึ้น แต่กระนั้น มันยังไม่ทำให้คุณมีเงินมากขึ้นได้เท่ากับการหาเงินเพิ่ม เพราะอยากไรเสีย มันมักจะมีข้อจำกัดในการประหยัดเงิน แต่มันไม่เคยมีข้อจำกัดในการหาเงิน ดังนั้น การที่คุณอยากรวย แต่ไม่หาเงินเพิ่ม หางานเพิ่ม ประหยัดอย่างเดียว ก็ไม่ช่วยอะไรมาก
ถึงแม้จะเริ่มรวยแล้ว ก็ยังต้องประหยัด
หากวันหนึ่ง การออมของคุณ การลงทุนของคุณเริ่มเห็นผล การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของคุณตามเงินได้ที่มากของคุณถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะมันจะทำให้เงินของคุณที่หามาอย่างยากเย็น ลดน้อยลง จากบทความในหนังสือพิมพ์ ฮัฟฟิงตัน โพสท์ ชี้ว่า มหาเศรษฐีของโลกอย่าง วอเรน บัฟเฟต ถึงแม้จะมีเงินนับหมื่นล้าน ยังคงอยู่อาศัยบ้านหลังเดิมของเขา ที่อยู่มาตั้งแต่ปี 2501 ส่วนเจ้าของแบรนด์อิเกีย ที่โด่งดังในหลายประเทศ ยังเดินทางไปมาด้วยการขึ้นรถบัส สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า หากคุณอยากรวยอย่างยั่งยืน อย่าใช้เงินมากเกินไป ถึงแม้ว่าคุณจะเริ่มรวยแล้ว นั่นเอง
สุดท้าย ลองถามตัวเองดีๆ ว่าคุณอยากรวยจริงๆ หรือไม่ หรือคุณเพียงต้องการสิ่งๆ ต่างๆ ที่เงินหาซื้อมาได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมาย เพราะหากเป็นอยากหลัง คุณอาจจะมีความสุขในชีวิตมากขึ้น กว่าการตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นคนรวย แต่ก็นั่นล่ะ ต่างคนต่างความคิด คือเรื่องธรรมชาติ


