posttoday

วิธีลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

26 มีนาคม 2557

มีหลายคนถามมาว่าอยากมีเงินเหลือเยอะๆ ทำอย่างไรได้บ้าง ตอบได้อย่างง่ายๆ เลยครับจากสมการที่ว่า เงินเหลือ=รายได้รายจ่าย ดังนั้น มีแค่สองวิธีเท่านั้นที่จะทำให้มีเงินเหลือเยอะขึ้น คือ เพิ่มรายได้ หรือลดรายจ่าย คนส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือนรับเงินทุกเดือนเท่าๆ กัน เงินเดือนจะเพิ่มก็ปีละหนึ่งครั้ง การลดรายจ่ายน่าจะง่ายกว่า อีกทั้งไม่ต้องพึ่งพาใคร อยู่ที่ตัวเราเองเท่านั้น

มีหลายคนถามมาว่าอยากมีเงินเหลือเยอะๆ ทำอย่างไรได้บ้าง ตอบได้อย่างง่ายๆ เลยครับจากสมการที่ว่า เงินเหลือ=รายได้รายจ่าย ดังนั้น มีแค่สองวิธีเท่านั้นที่จะทำให้มีเงินเหลือเยอะขึ้น คือ เพิ่มรายได้ หรือลดรายจ่าย คนส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือนรับเงินทุกเดือนเท่าๆ กัน เงินเดือนจะเพิ่มก็ปีละหนึ่งครั้ง การลดรายจ่ายน่าจะง่ายกว่า อีกทั้งไม่ต้องพึ่งพาใคร อยู่ที่ตัวเราเองเท่านั้น

การที่จะลดรายจ่ายก็ต้องเข้าใจก่อนว่ารายจ่ายมีสองประเภท คือ รายจ่ายที่จำเป็นกับรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือย แน่นอนเราคงไม่ลดรายจ่ายที่จำเป็นแน่ๆ แต่ก่อนที่จะลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยได้ ต้องถามก่อนว่าเราเข้าใจจริงๆ หรือยังว่ารายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยนั้นคืออะไร เชื่อเถอะครับว่าคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดว่าการซื้อของชิ้นใหญ่ๆ ราคาแพงๆ เป็นการฟุ่มเฟือย ซึ่งไม่เสมอไปนะครับ เช่นตู้เย็น เครื่องซักผ้า เป็นต้น ดูเสมือนมันกลายเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้ว จริงๆ แล้วคนเราควรจับจ่ายอย่างมีเหตุผล พฤติกรรมที่แม้ว่าจะใช้เงินน้อยแต่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นเลย นั้นต่างหากที่คือความฟุ่มเฟือย

บุฟเฟ่ต์มื้อเย็นที่ทานไม่อั้น แต่จ่ายเกินจริง ครั้งหนึ่งเกือบสี่ห้าร้อยบาท หรือกาแฟสดเจ้าประจำที่เราต้องแวะซื้อทุกเช้าก่อนเข้าออฟฟิศ และค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ที่เราต้องจ่ายไปในแต่ละวันอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยคิดว่ามันเป็นเงินจำนวนน้อยนิดแค่ไม่กี่สิบบาท ค่าขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ค่าผลไม้หลังมื้ออาหาร กาแฟสดตอนพัก ค่าเสื้อผ้ารองเท้าทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ค่าสระผม ค่าเครื่องสำอางที่ซื้อเพราะความอยาก ค่าบุฟเฟ่ต์ทุกเย็นวันศุกร์ แล้วเราก็มานั่งสงสัยว่าทำไมสิ้นเดือนทีไรเหมือนจะสิ้นใจทุกครั้ง ก็เพราะพฤติกรรมการใช้เงินน้อยแต่บ่อยครั้งเหล่านี้ต่างหาก

ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล การใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลจะช่วยลดการจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยได้วิธีหนึ่ง ชีวิตที่สมบูรณ์ของเราไม่จำเป็นต้องได้ในสิ่งที่ต้องการไปเสียหมดหรอกครับ หากความต้องการนั้นทำให้เงินเราไม่พอใช้หรือไม่เหลือเก็บ ดังนั้น บุฟเฟ่ต์มื้อเย็นมันแพง ทานอาหารเย็นที่บ้านอร่อยและถูกกว่าเยอะ กาแฟสดทุกเช้ามันแพง ชงดื่มเองถูกกว่าและสนุกกว่าเยอะ ทรงผมสวยๆ มันแพง ซื้ออุปกรณ์มาทำเองที่บ้าน ประหยัดไปได้อีกเยอะ เสื้อผ้ารองเท้า มันแพง เอาของที่มีอยู่ออกมามิกซ์แอนด์แมตช์ ก็เก๋ได้ไม่แพ้ใคร เครื่องสำอาง มันแพง ใช้ที่มีอยู่ให้หมดก่อน หรืองดใช้เพื่อโชว์ผิวสวยๆ แบบบ้านๆ ก็น่ารักดี ค่าโทรศัพท์เกินโปรโมชั่น มันแพง โทรคุยกันให้น้อย นัดเจอกันให้มากขึ้น ประหยัดเงินแถมได้กระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้น

ใช้จ่ายอย่างคนมีรายได้น้อย แน่นอนมีคนจำนวนมากแน่ๆ ที่มีรายได้น้อยกว่าคุณ แต่พวกเขาก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ พอสิ้นเดือนก็ไม่เห็นพวกเขาจะอดตายเลย บางครั้งคนที่มีรายได้น้อยกว่าเรากลับมีความสุขกว่า สุขที่มีเงินใช้อย่างพอดี ไม่มีหนี้ และมีเงินเก็บ เป็นเพราะเขาใช้เงินน้อยกว่ารายได้ที่เขามี ถ้าอยากเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินฟุ่มเฟือยของเรา ก็ควรใช้จ่ายแบบคนที่มีรายได้น้อย (มีรายได้น้อยกว่าเรา) เช่น ซื้อเสื้อผ้าที่เน้นราคาถูกหรือเน้นความประหยัด ซื้อของเท่าที่จำเป็นไม่ใช่เท่าที่ต้องการ ทานข้าวเพื่อให้อิ่มท้อง ไม่ใช่ตามใจปาก สุดท้ายคิดถึงการอดออมมากกว่าการซื้อเพื่อสนองความอยากได้

ใช้เงินพิเศษอย่างรู้ทัน ทุกคนมักจะได้รับเงินพิเศษนอกจากรายได้ประจำบ้าง อาจจะเป็นเงินจากโบนัส เงินจากการเสี่ยงโชค เงินของขวัญจากผู้ใหญ่ เงินตอบแทนพิเศษต่างๆ หรืออาจจะได้จากการรับชำระหนี้ที่เราคิดว่าคงไม่ได้คืนแล้ว สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคืออะไร ซื้อให้สะใจ ซื้อทุกอย่างที่ต้องการ เข้าร้านหรูทานอาหารแพงๆ ไปเที่ยว จัดปาร์ตี้ หลายคนที่ได้เงินพิเศษมาอย่างไม่คาดคิดก็เลยใช้มันไปอย่างไม่คาดคิด เพราะคิดว่าเป็นเงินที่ได้มาฟรีๆ จึงไม่ค่อยเสียดายเท่าไร ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก เพราะจริงๆ แล้วเงินทุกบาทมีค่าเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งบาทที่กว่าจะได้จากเงินเดือน หรือหนึ่งบาทที่ได้จากการถูกหวย ต้องคิดให้ทันว่าจริงๆ แล้วมันมีค่าเท่ากัน จึงควรใช้มันเสมือนว่าเป็นเงินที่เราหาได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเรา

ใช้ของถูกอย่างไม่ต้องกลัว คนบางคนคิดว่าการใช้ของราคาถูกจะทำให้เราดูด้อยราคาตามของไปด้วย จึงสิ้นเปลืองกับการซื้อของราคาแพง กินของราคาแพงอยู่ตลอดเวลา เสื้อผ้า รองเท้า รถยนต์ ของใช้ส่วนตัวมีราคาแพงราวกับว่ามีเงินหลายหมื่นล้านอยู่ในบัญชี ทั้งๆ ที่มีเงินเดือนอยู่แค่หลายๆ หมื่น ถ้าอยากจะมีเงินเหลือเยอะๆ ต้องไม่กลัวว่าการใช้ของราคาถูกจะทำให้เราขายหน้า หรือถูกมองว่าจน เพราะความจริงแล้วเราไม่ใช่คนรวยจริงๆ อยู่แล้ว แล้วจะทำตัวรวยไปทำไม

ไม่ซื้อ ไม่ตาย คนเราจะตายก็ต่อเมื่อ ไม่มีอากาศหายใจ ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีอาหารทาน ไม่มียารักษาโรค แต่ไม่เคยมีใครตายเพราะไม่ได้ซื้อของที่อยากได้ ลองดูก็ได้ครับ ถ้าเราอยากได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ หรือรถจักรยานรุ่นใหม่ที่เบากว่าเดิมมาก หรืออยากได้ตู้เย็นที่ใหญ่ขึ้น เพื่อเอามาตอบสนองความยากได้อยากมี เราลองหักห้ามใจไม่ซื้อ แล้วเดินออกจากร้านกลับบ้านมา เราก็ยังมีลมหายใจอยู่ แม้จะรู้สึกอยากได้แต่ไม่ตายเพราะความอยากแน่ๆ

ปัญหาการเงินของคนส่วนใหญ่อยู่ที่รายจ่ายไม่ใช่รายได้ อย่างที่มีคำกล่าวว่า “หาได้เท่าไรไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณใช้เท่าไร” ไม่ว่าคุณจะหาเงินได้แค่ไหน ถ้ารายจ่ายมากกว่ารายได้ ก็ไม่มีวันเหลือเก็บ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68