แอลพีเอ็นเบรกลงทุนคอนโด
แอล.พี.เอ็น.ฯ ชะลอเปิด 3 โครงการชะอำหัวหิน พร้อมชะลอซื้อที่ดินใหม่ หลังการเมืองยังวุ่น
แอล.พี.เอ็น.ฯ ชะลอเปิด 3 โครงการชะอำหัวหิน พร้อมชะลอซื้อที่ดินใหม่ หลังการเมืองยังวุ่น
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า แม้ว่าการชุมนุมทางการเมืองจะยุบรวมเหลือ 1 เวที แต่ปัญหาการเมืองยังไร้ทิศทางและเห็นสัญญาณการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมของลูกค้าที่ช้าลงชัดเจน ทำให้แอล.พี.เอ็น.ฯ ตัดสินใจชะลอการเปิดคอนโดมิเนียม 3 โครงการในเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ ลุมพินี ซีวิว ชะอำ จำนวน 1,300 ยูนิต มูลค่า 1,330 ล้านบาท ลุมพินี พาร์ค บีช ชะอำ 400 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท และลุมพินี ซีวิว หัวหิน ซอย 7 340 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ จะเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ออกไปก่อน เพื่อรอให้สถานการณ์ดีขึ้นและกำลังซื้อฟื้นตัว จึงจะกลับมาเปิดตัวอีกครั้งจากเดิมวางแผนเปิดตัว 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเปิดตัวในเดือน ม.ค. แล้ว 2 โครงการใหญ่ ย่านอ่อนนุชและพัฒนาการอ่อนนุช มูลค่ารวม 3,200 ล้านบาท และพบว่า มียอดขายเพียง 2030% จากการที่ลูกค้าตัดสินใจช้าลงมาก เพราะไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ
“ตลาดตอบรับช้าลงกว่า 50% เราจึงต้องทบทวนแผนลงทุน เวลานี้ต้องทำตัวให้เบา แต่กระเป๋าหนัก สภาพคล่องต้องดี เพื่อพาองค์กรให้รอดจากวิกฤตเพราะการเปิดตัวโครงการใหม่ เหมือนกับการทำสัญญากับลูกค้า จะขายได้ตามเป้าหรือไม่ได้ก็ต้องใส่เม็ดเงินก่อสร้างให้เสร็จ ซึ่งจะทำให้ทุนจม และมีความเสี่ยงสูง” นายโอภาส กล่าว
สำหรับโครงการใหม่ที่อยู่ในแผนรอเปิดตัวในปีนี้เป็นโครงการใหญ่ถึง 3 โครงการ คือ ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 จำนวน 2,600 ยูนิต มูลค่า 3,350 ล้านบาท ลุมพินี เพลส บรมราชชนนี 900 ยูนิต มูลค่า 1,660 ล้านบาท และลุมพินี วิลล์ นวมินทร์อินทรักษ์ 1,600 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งต้องประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบอีกครั้ง เพราะเป็นโครงการใหญ่
ขณะที่โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิตคลอง 1 เฟส 1 จำนวน 4,000-5,000 ยูนิต ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ยังกังวลเรื่อง การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ว่าจะผ่านหรือไม่ โดยยื่นให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมพิจารณาครั้งแรกไปแล้ว เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่พิเศษที่มีห้องชุดทั้งโครงการรวม 1 หมื่นยูนิต และแม้จะเปิดเฟสแรกเพียง 4,0005,000 ยูนิต แต่บริษัทได้ยื่นขอสิ่งแวดล้อมรวมทั้งโครงการที่ 1 หมื่นยูนิต โดยท้ายที่สุดหากโครงการนี้ไม่ผ่านอีไอเออาจทบทวนนำที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบแทน แต่เบื้องต้นประเมินว่าน่าจะผ่านได้การพิจารณา เพราะบริษัทเตรียมการณ์สำหรับการยื่นอีไอเอให้กับโครงการนี้มาแล้ว 1 ปี
ด้านเป้าหมายปี 2557 เดิมตั้งเป้าโต 15% จากปีที่ผ่านมา แต่ล่าสุดปรับลดเหลือ 10% จากปัจจัยต่างๆ โดยคาดว่ายอดขายปีนี้จะอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะไม่วิกฤตเท่ากับปี 2540 แต่ซึมยาว
นายกร ธนพิพัฒนศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนหลังจากยอดขาย 2 เดือนแรก หดตัว 510% โดยจะกระจายความเสี่ยงทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม ส่วนคอนโดมิเนียมจะเน้นอาคารโลว์ไรซ์ความสูงไม่เกิน 8 ชั้น เพื่อก่อสร้างเร็วและรับรู้รายได้เร็ว และตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินปีนี้ 800900 ล้านบาททยอยมาซื้อมาแล้ว 34 โครงการ


