ขั้นตอนการทำความเข้าใจ กับอัตราส่วนทางการเงินส่วนตัวของคุณ (Understanding the A,B,Cs of Your Personal Financial Ratios)
.....ธีระ ภู่ตระกูล
การตั้งเป้าหมายในปีใหม่ของผม มีอยู่สองสิ่งที่ผมพยายามจะทำให้สำเร็จตั้งแต่ต้นปีของทุกๆ ปี คือ สิ่งแรก ผมต้องตรวจสุขภาพร่างกาย และสิ่งที่สองคือ ตรวจสุขภาพทางการเงินของผมด้วยวิธีการต่างๆ หลังจากใช้เวลาครึ่งวันในโรงพยาบาลตรวจทุกอย่าง ตั้งแต่ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด อัลตราซาวด์ช่องท้อง ตรวจหัวใจโดยเดินบนเครื่อง Thread Mill และแน่นอนสำหรับคนอายุอย่างผม ต้องตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย ในที่สุดผลการตรวจร่างกายก็ออกมาไม่สู้ดีนัก คอเลสเตอรอลยังคงสูงมาก ความดันโลหิตอยู่คาบเส้น ระดับน้ำตาลค่อนข้างสูง แพทย์ของผมบอกว่าผมยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ผมต้องลดอาหาร ทานยา และออกกำลังกายให้มากขึ้น
สำหรับการตรวจสุขภาพทางการเงินของผม โชคดีที่มีตารางข้อมูลอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ผมจึงสามารถตรวจสอบได้จากที่บ้านเลย สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยกับแนวความคิดของอัตราส่วนทางการเงินส่วนบุคคล นี่คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่มีประโยชน์ในการเริ่มต้น ในการเดินทางไปไหนก็ตามต้องมีจุดเริ่มต้นจากที่ไหนสักแห่ง และคุณจะต้องรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน (ทางการเงิน) ก่อน คุณถึงจะสามารถออกเดินทางได้ อัตราส่วนทางการเงิน/รายงานทางการเงินส่วนบุคคล จะชี้จุดเริ่มต้นในการเดินทางให้คุณ หากกล่าวโดยย่อรายงานทางการเงินส่วนบุคคลประกอบไปด้วยเอกสารสองชุด งบการเงินและงบกระแสเงินสด รายงานทั้งสองชุดนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินในปัจจุบันของคุณ และสรุปรายรับ รายจ่ายของคุณด้วย
งบการเงิน หรือเรียกว่า Net Worth Statement จะรายงานสิ่งที่คุณเป็นเจ้าของอยู่และหนี้สินที่คุณมีอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณ เช่น เงินสด บ้าน รถยนต์ การลงทุน มีมูลค่า 10 ล้านบาท และคุณมีหนี้สินจากการกู้ยืมอยู่ 3 ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิของคุณจะเท่ากับ 7 ล้านบาท หรืออีกนัยหนึ่งสินทรัพย์สุทธิของคุณคือส่วนต่างระหว่างทรัพย์สินทั้งหมดของคุณกับหนี้สินทั้งหมดของคุณ ยิ่งมีสินทรัพย์สุทธิมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น ในทางตรงกันข้ามงบกระแสเงินสดให้ข้อมูลเกี่ยวกับแบบแผนรายรับและรายจ่ายของคุณ ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อจะต้องตั้งงบประมาณ การจัดทำงบกระแสเงินสดเริ่มจากการบันทึกเงินสดที่รับเข้าในช่วงเวลานั้นๆ รายได้คือการไหลเข้าของเงินสดสำหรับบุคคลธรรมดาหรือครัวเรือน เช่น ค่าจ้าง เงินเดือน ค่าเช่า เงินปันผล ดอกเบี้ยรับ ฯลฯ การจ่ายเงินสดสำหรับการดำรงชีวิตและรายการอื่นๆ ก็จะไปอยู่ในส่วนที่ 2 ของงบกระแสเงินสด เงินสดออกสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ค่าใช้จ่ายตายตัว (Fixed Expense) ซึ่งมักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละเดือน เช่น ค่าเช่า หรือการชำระหนี้ และค่าใช้จ่ายลอยตัว (Variable Expense) เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และสันทนาการ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเดือน
ส่วนต่างระหว่างรายได้กับเงินสดไหลออก แสดงผลออกมาได้ทั้งกระแสเงินสดที่เป็นบวกหรือติดลบ การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างกระแสเงินสดเข้าและกระแสเงินสดออก ในช่วงที่กระแสเงินสดออกมีมากกว่ากระแสเงินสดเข้า คุณต้องใช้เงินออมหรือไม่ก็ต้องกู้ยืม เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นจะทำให้ทรัพย์สินของคุณลดน้อยลง และทำให้หนี้สินสูงขึ้นเป็นผลให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิลดลงด้วย ตอนนี้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิส่วนบุคคลและงบกระแสเงินสดแล้ว เรามาดูอัตราส่วนทางการเงินบางตัวที่มีประโยชน์เพื่อเป็นแนวทางในการประเมินความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการเงินของคุณ ซึ่งค่อนข้างจะเหมือนผลตรวจเลือดของคุณ ในปัจจุบันการรู้ว่าปริมาณคอเลสเตอรอลเท่าไหร่ในเลือดแค่นั้นไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจวัดอย่างอื่นด้วย โดยแพทย์จะดูค่า Triglyceride, HDL (คอเลสเตอรอลดี) และ LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) และอื่นๆ อัตราส่วนทางการเงินด้านล่างนี้มีพื้นฐานมาจากกรอบความคิดเดียวกัน
อัตราส่วนทางการเงินส่วนบุคคลดังที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นการชี้วัดสถานะสภาพคล่อง ความสามารถในการชำระหนี้ สินทรัพย์ที่ให้ผลกำไร และแบบแผนการดำรงชีวิตของคุณอย่างง่ายๆ นักวางแผนทางการเงินที่จะวิเคราะห์สถานะทางการเงินของลูกค้าของพวกเขาก็ใช้วิธีวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินมาเป็นเวลานานแล้ว ส่วนหนึ่งในการตั้งเป้าหมายในปีใหม่นี้ของคุณ ผมขอแนะนำว่าให้คุณศึกษาอัตราส่วนทางการเงินข้างต้น เพื่อหาคำตอบว่าสุขภาพทางการเงินของคุณเป็นอย่างไร


