ท่องเมืองลา "ลาสเวกัส" แห่งพม่า
ปลายปี 2556 ท่ามกลางอากาศหนาว 5 องศาเซลเซียส บนยอดเขาวัดจินตะ (วัดธาตุทอง) ใกล้เจดีย์มิตรภาพเมียนมาร์จีน พระพุทธรูปชี้นิ้วตามตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลกที่ว่าชี้ไปเมืองใดแล้วเมืองนั้นจะเจริญ อยู่เย็นเป็นสุขยืนตระหง่าน
ปลายปี 2556 ท่ามกลางอากาศหนาว 5 องศาเซลเซียส บนยอดเขาวัดจินตะ (วัดธาตุทอง) ใกล้เจดีย์มิตรภาพเมียนมาร์จีน พระพุทธรูปชี้นิ้วตามตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลกที่ว่าชี้ไปเมืองใดแล้วเมืองนั้นจะเจริญ อยู่เย็นเป็นสุขยืนตระหง่าน
ข้างล่างในหุบเขาคือ “เมืองลา”
เมืองลา คือเมืองเล็กๆ ของพม่า อยู่ติดชายแดนจีน คนพม่ารู้จักในฐานะประตูสู่จีน ด้วยเมืองนี้เป็นเส้นทางตรงเข้าสู่เมืองเชียงรุ้ง มณฑลยูนนาน ที่รัฐบาลจีนหวังให้ถนนสาย R3A เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์มุ่งสู่ภาคใต้ ขยายตลาดสู่อาเซียนและดึงทรัพยากรต่างๆ เข้าประเทศ
ความน่าสนใจของเมืองลาที่ตั้งอยู่ในหุบเขาห่างไกลทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า คือสถานะของเมืองที่เป็นเขตปกครองพิเศษ (Special Region 4 – SR4) ของรัฐฉาน
จากเมืองไทย เส้นทางที่สะดวกที่สุดสู่เมืองลาคือเดินทางผ่านด่านท่าขี้เหล็กแม่สาย แล้วนั่งรถผ่านเมืองเชียงตุงไปจนถึงเมืองลา คิดเป็นระยะทาง 260 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง
เมืองลาที่เราเห็นมีทั้งความเป็นจีนพม่าผสมกัน เมืองตั้งอยู่ในอธิปไตยของพม่า ทว่าตึกรามบ้านช่อง สภาพบ้านเมือง กลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศจีน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานทุกอย่าง ไม่ว่า กระแสไฟฟ้า หน่วยเงินตรา ป้ายตามร้านรวง สัญญาณโทรศัพท์ ทั้งหมดเป็นภาษาจีนและมาจากจีน ไม่นับชาวจีนจำนวนมากที่มาตั้งรกรากทำมาค้าขาย ส่งผลให้ชาวบ้านที่นี่พูดได้ทั้งภาษาพม่าและจีน นอกจากนั้นยังมีภาษาประจำกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ไทลื้อ ไทยใหญ่ อาข่า ใช้ในพื้นที่รอบๆ ด้วย
น่าสนใจว่าสมัยก่อน เมืองลาเป็นเมืองปิด ประชากรมีราวแสนคน ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ 13 กลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นไทลื้อ อาข่า มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม จะยุ่งกับโลกภายนอกก็เพียงมีการติดต่อระหว่างชาวไทลื้อด้วยกันในมณฑลยูนนาน ทว่าหลังพม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ ความร้อนระอุของการเมืองภายใน การกุมอำนาจของทัดมะด่อว์หรือกองทัพพม่า ทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าด้วยการจับอาวุธ
เมืองลากลายเป็นที่ปลูกฝิ่นและค้าอาวุธ สมัยนั้นคนพม่าถือว่าลาเป็นเมืองที่เข้าไม่ถึงและอันตรายที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศ
จนเมื่อพม่าเริ่มเปิดประเทศ เกิดการปราบปรามการปลูกฝิ่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติ ครั้งหนึ่งรัฐบาลนายพลขิ่นยุนต์ถึงกับประกาศว่าหากผู้ใดปราบฝิ่นได้จะให้ครองเมืองลา ด้วยบริเวณเมืองลานั้นเข้าถึงยาก ไม่คุ้มที่ทหารพม่าจะทุ่มเทกำลังเข้าไปจัดการ
อูซายลิน (U Sai Lin) ลูกครึ่งจีนไทยใหญ่ คือคนที่กำจัดฝิ่นได้ราบคาบเมื่อปี 1989 ได้รับเหรียญยกย่องจากรัฐบาลพม่าจากความสำเร็จนี้ กองทัพพม่าทำตามสัญญาโดยให้เขาปกครองเมืองลาในฐานะ “เขตปกครองพิเศษ” มีกองกำลังของตัวเอง ส่วนมากเป็นทหารไทยใหญ่และไทลื้อ โดยมีข้อกำหนดว่าแต่ละครอบครัวต้องส่งลูกอย่างน้อย 1 คน เป็นทหารหรือทำงานให้กับเมืองลา ทหารพม่าไม่มีสิทธิยุ่งกับกิจการภายในของเมืองลา ดังนั้น ที่นี่จึงกลายเป็นเหมือนเขตส่วนตัวของอูซายลิน ถึงขั้นที่ว่าหากทหารพม่าต้องการเข้าต้องถอดเครื่องแบบออกก่อน
ปัจจุบันเมืองลาพยายามพัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหลายสายในเมืองลาดยางแล้ว ที่ต่างจากเมืองอื่นๆ ในพม่าคือ ที่นี่มีไฟฟ้า 24 ชั่วโมง ส่งมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินของเมือง
ตัวเมืองแม้จะได้รับอิทธิพลจากจีน แต่แถบชานเมืองยังมีบ้านทรงสูงของชาวไทลื้อที่สามารถย้ายได้ด้วยการ “ยก” ไปทั้งหลัง และมีลักษณะพิเศษคือไม่ใช้ตะปู แต่ใช้สลักยึดที่ทำจากไม้
เมืองลากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากการรุกคืบของนายทุนจีน ชีวิตเกษตรแบบเดิมเปลี่ยนไป หลายคนหันมาทำแปลงเกษตรเชิงเดี่ยวขนาดใหญ่ ไกด์ชาวไทยใหญ่เล่าว่านายทุนจีนมาพร้อมความรู้ด้านการเกษตร ทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ภูเขาทั้งลูกที่ป่ากล้วยและสวนแตงโมจึงเป็นเรื่องปกติของที่นี่ เพราะคนจีนจะมาเช่าและลงทุนทุกอย่าง จากนั้นก็จ้างคนในพื้นที่ดูแลและเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งกลับไปที่เมืองจีน
เมืองลาสนองตอบอบายมุขครบทุกด้าน บ่อนกาสิโน ธุรกิจค้าประเวณีถูกกฎหมาย การค้าสัตว์ป่าหายาก ซึ่งบางชนิดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวนไซเตส (CITES) เห็นได้ทั่วเมือง เมนูพิสดารที่ลูกค้าชาวจีนชอบสั่ง ได้แก่ สมองลิง อุ้งตีนหมี หากินได้ตามภัตตาคารทั่วไป อวัยวะเสือลายเมฆ งูเหลือม หาดูได้ในตลาดเช้าเมืองลา
ที่นี่ค้าขายได้ทุกอย่างตราบใดที่สินค้าไม่ใช่ฝิ่นและอาวุธ ไกด์และคนในพื้นที่บอกว่าการส่งเสริมธุรกิจอบายมุขและการค้าสัตว์ป่าทำเพื่อให้คนเลิกปลูกฝิ่น
กาสิโนนั้นอยู่ที่เมืองม้า ห่างจากตัวเมืองลา 5 กิโลเมตร ย้ายออกไปได้ไม่นานตามที่รัฐบาลปักกิ่งร้องขอ เนื่องจากนักพนันจีนหลั่งไหลเข้ามาจนก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมมากมายในพื้นที่มณฑลยูนนาน
แต่แม้จะมีอบายมุขและสิ่งผิดกฎหมายครบถ้วน เมืองลาก็ปลอดภัยไร้อาชญากรรมเพราะมีกฎหมายรุนแรง เช่น ขโมยจะถูกลงโทษด้วยการตัดมือ ข่มขืนจะต้องถูกลงโทษประหารชีวิต
ความน่าสนใจของเมืองนี้อยู่ที่การโฆษณาให้นักท่องเที่ยวเหยียบสองแผ่นดิน คือพม่าและจีนในเวลาเดียวกัน ด้วยหลักเขตแดนที่ 1 (ซ้ายพม่าขวาจีน) อยู่ที่เมืองนี้ และที่นี่ เรื่องเขตแดนไม่ใช่ปัญหา แต่กลับสร้างประโยชน์และรายได้ให้กับคนในพื้นที่
เมืองลาจึงมีบรรยากาศหลายแบบคละกันและลักลั่นกันหลายเรื่อง คือเป็น “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” เป็นชาตินิยม (Nationalism) ท่องเที่ยวนิยม (Tourism) และการพนันนิยม (Gambleism)


