"พริตตี้"มาร์เก็ตติ้งสร้างแบรนด์ ต่อยอดรายได้
ปรากฏการณ์นำ “พริตตี้” มาใช้ในธุรกิจต่างๆ ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการสื่อสาร เทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ การเงิน และธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายนอกเหนือจากธุรกิจยานยนต์และประดับยนต์ ซึ่งเป็นต้นตำรับการใช้พริตตี้เป็นการดึงดูดผู้เข้าร่วมชมงานจัดแสดงรถยนต์
ปรากฏการณ์นำ “พริตตี้” มาใช้ในธุรกิจต่างๆ ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการสื่อสาร เทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ การเงิน และธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายนอกเหนือจากธุรกิจยานยนต์และประดับยนต์ ซึ่งเป็นต้นตำรับการใช้พริตตี้เป็นการดึงดูดผู้เข้าร่วมชมงานจัดแสดงรถยนต์
ทั้งนี้ จากตัวเลขการจัดแสดงสินค้าในประเทศไทยปี 2555-2556 มีการจัดงานแสดงสินค้ารวม 1,116 และ 1,020 งานตามลำดับ โดยภายในงานแสดงสินค้าดังกล่าวมีการออกบูธแสดงสินค้า รวมถึงการจัดรายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการจัดงานในปัจจุบันนี้คือ “พริตตี้” ที่นำมาเพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมภายในบริเวณบูธหรืองานแสดงสินค้า โดยมูลค่าตลาดของการจ้างพริตตี้มีมูลค่าตลาดอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10% หรือไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากมูลค่าการตลาดเชิงกิจกรรมเชิงกิจกรรม หรืออีเวนต์ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งมีมูลค่าตลาดปี 2555 อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น “พริตตี้” จึงเป็นตัวแทนในการสะท้อนภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการขององค์กร ซึ่งมีหน้าที่หลักในการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ด้วยการนำเสนอควบคู่กับสินค้าและบริการ เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้เกิดความสนใจกับผู้บริโภค โดยต่างจากพนักงานขาย เพราะไม่มีเรื่องยอดขายมาเกี่ยวข้อง
จากการจัดสัมมนาในหัวข้อ “Pretty is All Around” ปรากฏการณ์การสื่อสารการตลาดผ่านสาวๆ พริตตี้ โดยนักศึกษาระดับชั้นปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการมหิดล ที่ได้เผยผลวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างการศึกษาเชิงปริมาณจำนวน 658 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เคยหยุดฟังหรือชมในสิ่งที่ “พริตตี้” นำเสนอ รวมถึงการสำรวจเชิงปริมาณและสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ประกอบการธุรกิจออร์แกไนเซอร์ เจ้าของธุรกิจและผลิตภัณฑ์ พบว่า เฉลี่ยการจัดงาน 1 ครั้ง มีผู้ร่วมออกบูธประมาณ 37 บูธ ซึ่ง 30 บูธ ใช้ “พริตตี้” และอัตรารายได้เฉลี่ยของพริตตี้อยู่ในระดับตั้งแต่ 1,5001 หมื่นบาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับความสามารถและทักษะการสื่อสาร
กฤตยา อีรศากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท แพลนเนอร์ ผู้ให้บริการจัดการออร์แกไนเซอร์ กล่าวว่า สำหรับการตลาดที่ใช้พริตตี้จะสัมฤทธิผลในการปิดการขายอย่างเดียวไม่ได้ เพราะต้องมีทีมขายและการทำโปรโมชั่นควบคู่กันไป โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทเจ้าของสินค้ามักวัดผลจากผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนในบูธหรือความพึงพอใจของผู้บริโภค
“พริตตี้เสมือนด่านหน้าในการดึงดูดคนให้สนใจเข้ามา ซึ่งอาจให้ข้อมูลเบื้องต้นได้บ้าง จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของทีมขายที่รอการปิดการขายอยู่” กฤตยา กล่าว
นอกจากนี้ เทรนด์การใช้พริตตี้ในอนาคต คาดว่า ทุกบริษัทจะต้องการใช้พริตตี้แบบเซ็นสัญญาระยะยาว เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการใช้พริตตี้ในแต่ละงานจำนวนมาก ซึ่งบริษัทในฐานะด่านแรกในการคัดเลือกพริตตี้ให้กับบริษัทเจ้าของสินค้าจะพิจารณาจากพริตตี้ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ บุคลิก ทักษะ ความสนใจเฉพาะด้าน และที่สำคัญคือภาษา
วีรภัทร วิไพบูลย์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ยูนิเพรสซิเดนท์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผักผลไม้แบรนด์ยูนีฟ กล่าวว่า จากผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จึงต้องการพริตตี้ที่มีบุคลิกภาพที่ดี และที่สำคัญจะต้องเป็นคนที่เคยมีประสบการณ์ในสินค้าของบริษัท เนื่องจากพริตตี้เหล่านั้นจะต้องเป็นผู้ที่สามารถถ่ายทอดข้อมูลได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นกระบอกเสียงในการสื่อสารผลิตภัณฑ์
“เทรนด์การใช้พริตตี้ในอนาคตมองว่าทุกบริษัทจำเป็นจะต้องมี แต่ไม่ใช่มีเพื่อให้ทำการตลาดได้เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด แต่เป็นการใช้เพื่อให้บริษัทเทียบเท่ากับตลาด เนื่องจากปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่ใช้พริตตี้ในการทำกิจกรรมทางการตลาด ฉะนั้นพริตตี้จึงเปรียบเสมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับบริษัท จึงต้องให้ความสำคัญในการเลือกใช้” วีรภัทร กล่าว
ศรุติ มิกานนท์ ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เดนท์สุ (ประเทศไทย) กล่าวว่า พริตตี้คือตัวแทนองค์กร ซึ่งหลายบริษัทใช้วิธีการเซ็นสัญญาจ้างแบบรายปี (ระยะยาว) ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบริษัทในการสามารถสร้างให้มีความเข้าใจต่อตราสินค้าหรือบริการนั้นๆ กว่าการจ้างพริตตี้แบบต่องาน ซึ่งเทรนด์การใช้พริตตี้ปัจจุบันของการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆ เป็นไปไม่ได้แล้วว่าจะไม่มีพริตตี้ เนื่องจากทุกบริษัทสร้างความเคยชินให้กับลูกค้าว่าจะต้องมีพริตตี้ไปโดยปริยาย
ขณะเดียวกัน จากการทำการสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้ประกอบการที่ใช้พริตตี้ในการทำการตลาด ได้ข้อสรุปว่า พริตตี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องมีไม่ใช่สิ่งที่ควรมี เพราะผลลัพธ์ที่ได้จากการตอบรับของผู้บริโภคคิดเป็นมูลค่าเกินราคาการจ้าง “พริตตี้” พร้อมการเปรียบเปรยคำนิยามของการทำการตลาดโดยใช้ “พริตตี้” ว่า “พริตตี้ เปรียบเสมือนแรงดึงดูดทำให้คนหลั่งไหลเข้าชมงาน” และ “พริตตี้เปรียบเสมือนผงชูรส ไม่มีก็เหมือนอาหารขาดรสชาติ”


