posttoday

หนังเรื่องแรก

22 พฤศจิกายน 2556

บรูไนเป็นสมาชิกอาเซียนที่คนไทยหลายคนยังไม่ค่อยรู้จัก ขณะเดียวกันข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับประเทศแห่งนี้ก็มีน้อย

บรูไนเป็นสมาชิกอาเซียนที่คนไทยหลายคนยังไม่ค่อยรู้จัก ขณะเดียวกันข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับประเทศแห่งนี้ก็มีน้อย ทั้งที่เป็นสมาชิกอาเซียนที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ เมื่อวัดจากรายได้ประชากรต่อคนต่อปี

บรูไนร่ำรวยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นรายได้ราว 90% ของประเทศ แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็กและมีประชากรเพียงแค่กว่า 4 แสนคน แต่ประชากรมีกำลังซื้อสูง

ขณะที่บรูไนเป็นประเทศมุสลิมและมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด เมื่อเร็วๆ นี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ องค์สุลต่านแห่งบรูไน ทรงประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญามุสลิม หรือชาริอะฮ์ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการปฏิรูปประเทศให้เป็นมุสลิมเคร่งศาสนามากขึ้น

การที่บรูไนเป็นมุสลิมที่เคร่งตามหลักศาสนา การแสดงดนตรีและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของต้องห้ามในสังคมบรูไน วิถีชีวิตของคนบรูไนจึงอนุรักษนิยมสอดคล้องกับหลักที่เคร่งครัด

ความบันเทิงของคนบรูไน นอกเหนือจากการช็อปปิ้งและรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็คือการดูภาพยนตร์ที่มีทั้งหมด 5 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังจากฮอลลีวู้ด รวมถึงหนังจากอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ครองตลาดหนังในประเทศนี้

แต่ตลาดหนังของบรูไนกำลังจะเดินถึงจุดเปลี่ยน เพราะกำลังจะมีหนังบรูไนแท้ๆ เข้าฉายในเชิงพาณิชย์เป็นเรื่องแรก คือ เรื่อง Yasmine: The Final Fist ที่จ่อลงโรงในปี 2557

ก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามทำหนังสั้นสัญชาติบรูไนแท้ๆ ออกมาฉายแล้ว เรื่อง Ada Apa Dengan Rina หรือ What's so special about Rina

สำหรับหนังเรื่อง Yasmine: The Final Fist ใช้ต้นทุนสร้างประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบรูไน 1 แสนเหรียญสหรัฐ

หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับหญิงชาวบรูไนคนแรก “สิตี กามัลอุดดิน” เป็นเรื่องราวของ “ยัสมิน” เด็กหญิงที่ใฝ่ฝันจะเป็นแชมป์ปันจักสีลัตของโรงเรียน ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติบรูไน แต่พ่อของเธอไม่เห็นด้วยที่ลูกสาวจะเล่นกีฬาต่อสู้ประเภทนี้

แม้จะมีความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยม แต่การสร้างหนังเรื่องนี้ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายไม่น้อย เพราะจำนวนประชากรที่มีแค่4 แสนคน และยังไม่มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาก่อน ทำให้ต้องนำเข้าทั้งอุปกรณ์การถ่ายทำ รวมถึงดาราจากต่างประเทศ และนักเขียนบทจากเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ซึ่งก็ต้องสอนเรื่องภาษาท้องถิ่นก่อนถ่ายทำ

นอกจากนี้ การที่ไม่มีบุคลากรทางด้านนี้ ทำให้ผู้กำกับต้องทำงานอื่นๆ เอง ตั้งแต่โฆษณา เดินสายตามโรงเรียนและส่งข้อความติดต่อ

ส่วนตัวเอกของเรื่องรับบทโดยนักแสดงสาวชาวบรูไน “ลิยานา ยุส” ที่ใช้เวลาทำความเข้าใจบทและต้องฝึกกีฬาปันจักสีลัตวันละ 5 ชั่วโมง

การปัดฝุ่นอุตสาหกรรมหนังของบรูไนครั้งนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ หลังจากเคยถ่ายทำหนังที่สะท้อนให้เห็นวิถีการปฏิบัติตนที่ดี ตั้งแต่ในยุค 1960

“ไครัดดิน กามัลอุดดิน” ผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ หวังว่า การทำหนังเรื่องนี้จะเป็นตัวจุดประกายให้เกิดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องตามมา เช่น สถาบันสอนด้านภาพยนตร์

ในอนาคตเมื่ออุตสาหกรรมหนังของบรูไนเข้มแข็งขึ้น คนไทยก็น่าจะมีโอกาสชมหนังบรูไนที่จะช่วยให้เราเข้าใจเพื่อนบ้านได้มากขึ้น

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท