posttoday

"ต้องสู้ จึงจะชนะ" คุณเป็นนักสู้แบบไหน

21 พฤศจิกายน 2556

จากชื่อบทความในครั้งนี้ ผมไม่ได้จะมาร้องเพลงให้ฟังนะครับ แต่คำพูดนี้ผมว่าน่าจะโดนใจท่านผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายๆ คน “ต้องสู้ จึงจะชนะ” เพราะในชีวิตของผู้ประกอบการต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานา แต่ถ้าใจเราสู้ซะอย่าง ไม่ว่าอุปสรรคจะมาในรูปแบบไหน เราก็จะผ่านมันไปได้

จากชื่อบทความในครั้งนี้ ผมไม่ได้จะมาร้องเพลงให้ฟังนะครับ แต่คำพูดนี้ผมว่าน่าจะโดนใจท่านผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายๆ คน “ต้องสู้ จึงจะชนะ” เพราะในชีวิตของผู้ประกอบการต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานา แต่ถ้าใจเราสู้ซะอย่าง ไม่ว่าอุปสรรคจะมาในรูปแบบไหน เราก็จะผ่านมันไปได้

โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เรียกว่ามีอุปสรรคต่างๆ นานามากมาย ทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวน สถานการณ์การเมือง และสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยปีนี้ล่าสุดศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 3% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ คนทำธุรกิจก็ต้องสู้กันสุดชีวิตเลยครับ

การต่อสู้ในธุรกิจก็มีหลายรูปแบบด้วยกัน ผู้ประกอบการไทยก็มีวิธีการต่อสู้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ผมขอสรุปประเภทนักสู้ของผู้ประกอบการไทยจากที่พบเห็นมาให้ดูกัน และลองพิจารณากันดูนะครับว่าคุณเป็นนักสู้แบบไหน

1.นักสู้เพื่อความฝัน กลุ่มนี้จะมีความฝันเป็นที่ตั้ง ต่อสู้ทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปตามฝันที่คิดไว้ ซึ่งนักสู้แบบนี้มีข้อดีก็คือ จะมีแรงผลักดันในการทำธุรกิจสูงมาก เพื่อให้ไปถึงฝันที่ตั้งไว้ แต่ข้อเสียก็คือ จะมีความอ่อนไหวมาก หากความฝันนั้นๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ดังนั้นผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ต้องตั้งความฝันในระดับที่เราเอื้อมถึง เพื่อที่จะสามารถไขว่คว้ามาได้

2.นักสู้ยิบตา คนกลุ่มนี้เรียกว่าขาลุยเลยครับ ลุยทุกอย่าง ผู้ประกอบการบ้านเราอยู่ในกลุ่มนี้เยอะมากเลยครับ เพราะไม่ว่าอะไรจะเข้ามา ก็สามารถชนกับมันโดยไม่กลัว ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือ ไม่หลีกหนีปัญหา แต่ข้อเสียก็คือ แก้ปัญหาด้วยความรวดเร็วโดยไม่ทบทวนสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเสียก่อน อาจทำให้เดินไม่ถูกทาง ดังนั้นกลุ่มนี้ต้องใจเย็นให้มากขึ้น ตั้งสติก่อนสตาร์ทกันนะครับ

3.นักสู้แบบมีชั้นเชิง ถือว่าเป็นยอดนักสู้เลยครับ กลุ่มนี้ต้องเรียกว่าปัญหามา ปัญญาเกิด คนแบบนี้เมื่อมีปัญหามา อย่างแรกคือตั้งสติก่อนเลยครับ แล้วมานั่งคิดหาสาเหตุเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือนกันครับ ข้อดีคือ สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่ข้อเสียคือ การแก้ปัญหาช้า เพราะคิดเยอะ ดังนั้นต้องแบ่งให้ถูกครับว่าปัญหาแบบไหนควรแก้ก่อนหรือหลัง และความซีเรียสของปัญหานั้นมีมากแค่ไหน

4.นักสู้แบบเป็นทีม เป็นนักสู้ที่สมบูรณ์แบบมาก นักสู้ประเภทนี้ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมครับ ซึ่งผู้ประกอบการบ้านเราน้อยรายที่จะเป็นแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่อำนาจการตัดสินใจจะอยู่ที่เจ้าของคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา การวางแผนธุรกิจ การคิดกลยุทธ์ ซึ่งถ้าเรายังทำเองคนเดียวทุกอย่าง ธุรกิจก็จะโตต่อไปได้ยาก

การสร้างทีมงานที่พร้อมจะก้าวไปกับเรา นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ผมก็เข้าใจครับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ที่จะหาทีมงานที่มีศักยภาพและพร้อม แต่มันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ นะครับ ถ้าเราคิดว่าอยากให้ธุรกิจเติบโตต่อไป เราจะต้องต่อสู้แบบเป็นทีม พลังของทีมที่ดีจะนำเราไปสู่ชัยชนะ

นักสู้ทั้ง 4 แบบ ถ้าดูให้ดีก็จะเป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจ การปรับเปลี่ยนรูปแบบของการเป็นนักสู้ ก็จะเหมือนกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบกลยุทธ์ของธุรกิจที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลานะครับ

ข่าวล่าสุด

HAAB (หาบ) มัดรวม 9 รสชาติที่สุดแห่งปี ที่ชาวโซเชียลไม่อยากมูฟออน