posttoday

ผลสำเร็จสยามโกลบอลเฮ้าส์หลังSCGร่วมทุนครบ1ปี

18 พฤศจิกายน 2556

ประลองยุทธ ผงงอย

ประลองยุทธ ผงงอย

ครบรอบ 1 ปีเต็มของดีลการร่วมทุนระหว่าง “ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCG” กับ “เจ้าพ่อโมเดิร์นเทรดภูธร” อย่างบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ที่สรุปดีลช่วงปลายเดือน ส.ค.ปีก่อน ด้วยการส่งบริษัทลูก คือ เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น เข้ามาร่วมทุนด้วยการซื้อหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (พีพี) จำนวน 224 ล้านหุ้น ในราคา 14 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 2 สัดส่วน 30.02% ของ GLOBAL แต่ถึงวันที่ 15 พ.ย. ราคา GLOBAL วิ่งปิดที่ 18.60 บาท

“วิทูร สุริยวนากุล” ประธานคณะกรรมการบริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GLOBAL อธิบายถึงผลลัพธ์ภายหลังมี “กลุ่มปูนใหญ่” เข้ามาถือหุ้นว่า เป็นปัจจัยสนับสนุนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเร่งอัตราการเติบโตผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ โดยกำไรและรายได้จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกันประมาณ 40-50% เป็นไปตามเป้าหมายของทั้งปีนี้ที่วางไว้ และในช่วง 45 ปีนี้จะยังมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องไปอีก โดยมีเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3040% ต่อปี ถือเป็นแรงส่งเพิ่มเติมจากการทำงานเดิมที่ได้ทำไว้ พร้อมทั้งหลังการเพิ่มทุนในรอบนี้ยังทำให้ GLOBAL มีความพร้อมของแหล่งเงินลงทุนเพียงพอเพื่อรองรับใช้ขยายสาขาใหม่เพิ่มตามแผนธุรกิจในระยะช่วง 5 ปีจากนี้ ซึ่งเฉพาะส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนที่มีจำนวนประมาณ 3,000 ล้านบาท และยังมีเงินจากการแปลงวอร์แรนต์อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท

การเพิ่มจำนวนสาขาเป็นกลยุทธ์สำคัญหนึ่งที่สร้างความเติบโต ทั้งกำไรและรายได้ที่วางเป้าหมายไว้ในช่วง 5 ปี เพิ่มเติมจากสาขาเดิมที่มีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี โดยมีเป้าหมายต้องการเปิดสาขาทั้งสิ้นเพิ่มเป็น 70-80 สาขา ใช้งบลงทุนต่อสาขาเมื่อรวมเงินใช้ซื้อที่ดิน การก่อสร้างอาคาร และสต๊อกสินค้า จะต้องใช้เงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อสาขา เพิ่มจากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขารวมประมาณ 26 สาขา เพื่อใช้เป็นช่องทางการเข้าถึงลูกค้า และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดที่ยังมีโอกาสทำตลาดได้อีกมาก จากความต้องการวัสดุก่อสร้างเพื่อซ่อมแซมบ้านเก่าที่ชำรุดและสร้างบ้านใหม่

บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีกในช่วง 5 ปีตามแผนการลงทุนในประเทศ พร้อมทั้งปูนซิเมนต์ไทยยังส่งบุคลากรเข้ามาสนับสนุนการทำงาน

“SCG ช่วยบริษัทมีความพร้อมและมีเงินทุนเพิ่มขึ้น และช่วยให้เกิดพลังร่วมทางธุรกิจระหว่างกัน เพราะแผนการลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทมูลค่า 200-300 ล้านบาทที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จะอยู่ในพื้นที่บริเวณที่ใกล้กับของปูนซิเมนต์ไทย ทำให้มีความสะดวกในด้านโลจิสติกส์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า เพราะรถบรรทุกสินค้าสามารถขนส่งสินค้าได้เหมือนมีศูนย์กระจายสินค้าเป็นที่เดียวกัน การเข้ามาของปูนซิเมนต์ไทยเหมือนเป็นการลงเรือลำเดียวกัน เขามีหน้าที่ช่วยให้เติบโตไปด้วยกันตามที่บริษัทได้รับมอบหมายจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด” วิทูร กล่าว

สำหรับแผนขยายออกไปลงทุนในต่างประเทศนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาของบริษัทถึงรูปแบบของการออกไปลงทุนในกลุ่มประเทศที่กลุ่มปูนซิเมนต์ไทยได้นำร่องออกไปทำธุรกิจอยู่เดิมก่อนแล้ว เช่น อินโดนีเซีย พม่า และประเทศอื่นๆ โดยหากตัดสินใจได้ข้อสรุปรูปแบบในการออกไปลงทุนต่างประเทศ กลุ่ม SCG ได้รับปากพร้อมร่วมมือให้การสนับสนุนนำบริษัทออกไป ซึ่งประเด็นหลักที่กำลังพิจารณาและศึกษารายละเอียดในขณะนี้ คือ ข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ ว่าเปิดช่องให้เข้าได้มากน้อยอย่างไร ซึ่งอาจเห็นความชัดเจนภายในปีนี้หรืออาจเป็นในปีหน้า

นอกจากนี้ หากต้องการวัดผลสำเร็จการร่วมทุนในครั้งนี้นั้น ตัวเลขหนึ่งคือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของ GLOBAL ซึ่งสะท้อนการเติบโตได้กับการฉลองครบ 1 ปีของการมีพันธมิตร ด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาเป็นประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ประมาณ 1.92 หมื่นล้านบาท และในอนาคตจะเติบโตได้อีกมาก

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี