สัญญาจ้างทำของ&ภาษี
“สัญญาจ้างทำของ” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวว่า “เป็นสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจ้าง
“สัญญาจ้างทำของ” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวว่า “เป็นสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจ้าง ตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำ” สัญญารับจ้างทำของเป็นการให้บริการอย่างหนึ่ง เช่น รับเหมาก่อสร้างอาคาร รับเหมาติดตั้งเครื่องจักรโรงงาน เป็นต้น
การทำสัญญาจ้างทำของ ควรระบุว่ากระทำสิ่งใด ค่าจ้างเป็นจำนวนเท่าใด ระบุวัน เดือน ปี ของการชำระเงินค่าจ้าง การส่งมอบงาน จำนวนภาษีและอากรแสตมป์ใครเป็นผู้รับผิดชอบ คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งรับภาระภาษีแทนได้หรือไม่อย่างไร และประเด็นอื่นๆ ซึ่งก็แล้วแต่สัญญาที่จัดทำกันขึ้นมา
“สัญญาจ้างทำของ” มีประเด็นภาษีที่มักปฏิบัติผิดพลาดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและอากรแสตมป์ สรุปได้ดังนี้
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามปกติภาษีมูลค่าเพิ่ม คิดจากมูลค่าค่าจ้างของสัญญาจ้างทำของ โดยผู้รับจ้างที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ว่าจ้าง แต่ถ้าทำสัญญาและตกลงให้ผู้รับจ้างออกภาษีแทนได้หรือไม่ ในแง่ของกฎหมายไม่มีอะไรห้าม สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามข้อความในสัญญาควรระบุจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม แยกออกจากมูลค่าว่าจ้างทำของให้ชัดแจ้ง เพื่อลดการถกเถียงกันในภายหลัง เพราะกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้รับจ้างเรียกเก็บภาษีจากผู้ว่าจ้าง กรณีผู้รับจ้างเป็นผู้ออกภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างไม่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้รับจ้างออกแทนให้ได้ เพราะผู้ว่าจ้างไม่ได้จ่ายเงินค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้บริการนั้น
ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายภาษีสรรพากร ผู้รับจ้างที่รับค่าจ้างจะถูกหักภาษีในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้าง นั่นก็หมายถึง จะได้รับเงินค่าจ้างที่ผู้ว่าจ้างได้หักภาษี ณ ที่จ่ายออกแล้ว และการคิดภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะคำนวณจากมูลค่าของสัญญาว่าจ้างทำของโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าให้ผู้ว่าจ้างออกภาษีหัก ณ ที่จ่ายแทน สัญญาต้องระบุให้แน่ชัดว่า ออกภาษีแทนให้จำนวนเท่าใด และผู้ว่าจ้างต้องนำภาษีที่ออกแทนผู้รับจ้างมาเป็นฐานภาษีในการคิดคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายด้วย สำหรับประเด็นที่มักปฏิบัติผิด ก็คือ ผู้ว่าจ้างที่จ่ายเงินไม่ได้นำภาษีที่ออกแทนให้มาคิดคำนวณภาษีหักภาษี ณ ที่จ่าย
อากรแสตมป์ การทำสัญญาจ้างทำของ ต้องเสียอากรแสตมป์จำนวน 1 บาท ต่อจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท ทั้งนี้ผู้ที่มีหน้าที่เสียอากรแสตมป์ตามกฎหมายภาษี ก็คือ ผู้รับจ้าง แต่ในทางปฏิบัติบางครั้งสัญญาก็ระบุให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้ชำระอากรแสตมป์ก็มี ซึ่งแล้วแต่คู่สัญญาว่า ใครมีอำนาจต่อรองมากกว่ากัน อย่างไรก็ดีในสัญญาว่าจ้างทำของ หากผู้ว่าจ้างทำของเป็นรัฐบาล หน่วยงานรัฐ องค์การของรัฐ ฯลฯ และมูลค่าในสัญญาจ้างทำของมีมูลค่าตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป ผู้รับจ้างต้องชำระอากรแสตมป์เป็นตัวเงินเท่านั้น ไม่สามารถใช้แสตมป์ปิดทับได้ ประเด็นที่มักปฏิบัติผิดพลาดก็คือไม่ชำระอากรแสตมป์ หรือชำระอากรแสตมป์แต่ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
การทำสัญญาจ้างทำของ ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างควรระบุจำนวนมูลค่าค่าจ้างทำของ จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ว่าเป็นจำนวนเท่าใด ใครเป็นผู้รับภาระภาษีดังกล่าว มีการออกภาษีแทนหรือไม่ อย่างไร
การปฏิบัติไม่ถูกต้อง อาจส่งผลต้องเสียเงินเพิ่มเติม เสียเวลาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ หากไม่ทราบหรือไม่แน่ใจ ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง สวัสดีครับ


