posttoday

อินโดฯ โหมการค้าโปรโมตแบรนด์รุกตลาดไทย

15 ตุลาคม 2556

โดย...อัฏฐวรรณ ลวณางกูร

โดย...อัฏฐวรรณ ลวณางกูร

นอกจากอินโดนีเซียจะโหมโปรโมตด้านการลงทุนแล้ว รัฐบาลยังส่งเสริมการส่งออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการลดการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ล่าสุด สถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียเพิ่งจัดงาน Remarkable Indonesia Showcase 2013 ระหว่าง 7-10 ต.ค. ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อส่งเสริมการค้าและความเข้าใจระหว่างกันผ่านการนำเสนอสินค้าที่โดดเด่นของอินโดนีเซีย ซึ่งมีหลายแบรนด์คุ้นหูคนไทย อาทิ โกปิโก้ อินโดหมี่

เบเบ็บ จูนจูนัน อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากและเป็นโอกาสดีสำหรับทุกคน เพราะมีประชากรเกือบ 250 ล้านคน มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ อีกทั้งมีการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ทั้งด้านรถยนต์ เหมืองแร่ จึงเป็นโอกาสของนักธุรกิจไทยที่จะเข้าไปต่อยอดเพื่อตอบสนองตลาดที่มีขนาดใหญ่

ความท้าทายของอินโดนีเซียนับจากนี้ คือ การปรับแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลกและเร่งปรับกระบวนการขออนุญาตเข้าไปทำธุรกิจให้ใช้เวลาน้อยลงจากเดิม รวมทั้งต้องปรับกฎหมายของรัฐบาลกลางและท้องถิ่นให้สอดคล้องกัน

นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังเตรียมแผนพัฒนาเศรษฐกิจปี 2554-2568 (MP3EI) เพื่อขับเคลื่อนให้อินโดนีเซียเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งแผนเน้นการพัฒนา 8 ด้านหลักๆ ได้แก่ เกษตรกรรม เหมืองแร่ พลังงาน อุตสาหกรรม ประมง ท่องเที่ยว โทรคมนาคม และอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์

ยุทธศาสตร์หลักที่ขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับนี้ มี 3 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 6 คือ สุมาตรา ชวา กาลิมันตัน สุลาเวสี บาหลีนูซา เต็งการา และปาปัวเกาะมาลูกู โดยเน้นทรัพยากรที่มีในพื้นที่ 2.เน้นความเชื่อมโยงเพื่อพัฒนาการกระจายสินค้าและบริการและลดต้นทุนโลจิสติกส์ 3.เร่งสร้างศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

จากข้อมูลพบว่า มูลค่าการค้าระหว่างอินโดนีเซียและไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 อยู่ที่ 1.93 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.56% จาก 1.75 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 ไทยได้ดุลการค้า 3,120 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าอยู่ที่ 1.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.35% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และไทยได้ดุลการค้า 1,740 ล้านเหรียญสหรัฐ

มูลค่าการส่งออกจากไทยไปอินโดนีเซียช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ 6,120 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.56% สินค้าหลักที่ไทยส่งออก อาทิ รถยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่ง น้ำตาล และเคมีภัณฑ์ ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากแดนอิเหนาอยู่ที่ 4,380 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.96% สินค้านำเข้าหลักๆ ได้แก่ น้ำมันดิบ แร่ ถ่านหิน เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน

ด้าน วัลลภ สุพันธ์พงศ์กุล ผู้แทนขาย บริษัทโดมิเนียน เคมเมท ผู้ได้สิทธินำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้ออินโด หมี่ในไทยเพียงรายเดียว เล่าว่า บริษัทนำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ดังของอินโดนีเซียมานาน 11 ปี ผลตอบรับดีตลอดมา โดยยอดขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 3%

แม้ที่ผ่านมาไม่ได้เน้นทำการตลาดมากนัก แต่บริษัทเตรียมวางจำหน่ายอินโดหมี่ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายในเดือน พ.ย.นี้ เพิ่มเติมจากที่วางจำหน่ายในห้างค้าปลีกและห้างสรรพสินค้า อาทิ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม วิลล่า ท็อปส์มาร์เก็ต เดอะมอลล์ และเทสโก้ โลตัส ซึ่งการขยายจุดจำหน่ายในเซเว่นฯ คาดหวังว่าจะทำให้ยอดขายเติบโตปีละ 10%

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพบว่าลูกค้ารู้จักแบรนด์อินโดหมี่มากขึ้น เพราะมีชื่อเสียงมากในต่างประเทศจนถึงขณะนี้ วางขายใน 80 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐ ออสเตรเลีย อังกฤษ ตะวันออกกลาง

แม้ช่วง 12 ปีมานี้ ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซองในไทยโตแค่ 2% ลดลงจากก่อนหน้านี้ แต่ยอดขายของอินโดหมี่โตสวนตลาด โดยขณะนี้วางขายในไทย 5 รสชาติ คือ รสดั้งเดิม ซอสพริก พริกเผา (เพ็ดด้า) สะเต๊ะไก่ และบาร์บีคิวไก่

“การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนเป็นโอกาสที่ดี เพราะทำให้ผู้คนในภูมิภาครู้จักกันมากขึ้น และกระตุ้นให้คนไทยอยากลองบริโภคสินค้าจากเพื่อนบ้าน”

ข่าวล่าสุด

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน กทม. ขอความร่วมมือนครนายกงดเผา 20-25 ธ.ค.