เปิดแนวคิดไฮโซพม่ารุ่นจิ๋วในไทย
แม้ว่าคนไทยจะเพิ่งหันมาเห่อกระแสอาเซียนกันอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับโรงเรียนบริเวณตะเข็บชายแดน
โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล
แม้ว่าคนไทยจะเพิ่งหันมาเห่อกระแสอาเซียนกันอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับโรงเรียนบริเวณตะเข็บชายแดน ต่างมีโอกาสต้อนรับคนจากประเทศเพื่อนบ้านมานานแล้ว จากการลงพื้นที่ใน จ.กาญจนบุรี ได้เห็นว่า มีเด็กพม่าจำนวนหนึ่งเข้ามาเรียนในเมืองไทย โดยหลายคนเป็นระดับคุณหนูลูกเจ้าของกิจการใหญ่โตในประเทศพม่า
สำหรับโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์มีเด็กเชื้อสายพม่ามอญเข้ามาเรียนจำนวนไม่น้อย ในจำนวนนั้นมี ชัยมงคล แก้วหนองโรง หรือน้องเจมส์ ศิริชัย แก้วหนองโรง หรือน้องบอล และสุภาพร บัวพา หรือน้องปุ๊ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเรียกได้ว่าเข้าขั้นคุณหนูพม่า
น้องเจมส์ ชัยมงคล เล่าถึงการใช้ชีวิตในเมืองไทยว่า ไม่รู้สึกถึงความแปลกแยกเมื่อต้องเรียนร่วมกับเพื่อนคนไทยในโรงเรียน เพราะชินกับสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ในประเทศไทยดี เนื่องจากที่บ้านส่งมาเรียนโรงเรียนไทยตั้งแต่ชั้นอนุบาลแล้ว ส่วนพ่อแม่ก็เดินทางไปมาระหว่างไทยกับพม่าอยู่บ่อยครั้ง โดยที่บ้านทำธุรกิจไม้ และโรงแรมอยู่ที่กรุงย่างกุ้ง และตอนนี้ก็กำลังขยายธุรกิจมาทำรับเหมาก่อสร้างด้วย เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนต่างชาติที่ขยายการลงทุนเข้ามาในพม่ามากขึ้นเพราะใกล้เปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
“เวลาผมกลับไปอยู่บ้านที่พม่า ผมเป็นคุณหนู แต่พ่อกับแม่ก็สอนให้รู้จักใช้เงินนะครับ ให้ใช้เงินเท่าที่จำเป็น ไม่ให้ฟุ่มเฟือย ที่สำคัญที่บ้านยังสอนให้รู้จักการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม การที่จะทำให้ผู้อื่นยอมรับในตัวเราได้ สามารถอยู่ร่วมกันได้ ไม่เกี่ยงเชื้อชาติ”
น้องเจมส์ เล่าอย่างภูมิใจว่า เขาไม่เคยรู้สึกอายเรื่องเชื้อชาติของตัวเอง ในทางตรงกันข้ามกลับได้รับคำชื่นชมจากคนทั่วไป เนื่องจากสามารถพูดได้หลายภาษา แต่ก็จะทำให้ตนเองเป็นจุดเด่นที่คนอื่นสนใจคอยจับตามองว่าทำตัวดีไม่ดีอย่างไรบ้าง รวมถึงคนอื่นจะต้องถามถึงที่มาของน้องเจมส์ ซึ่งทำให้เขาต้องพยายามปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับการเป็นนักเรียนที่ดี เข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนมากเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ผู้อื่นยอมรับ ซึ่งโดยรวมแล้ว เพื่อนและครูอาจารย์ของโรงเรียนต่างยอมรับเด็กต่างด้าวได้
สำหรับอนาคต น้องเจมส์มีแผนจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังในเมืองไทยด้วย โดยตั้งใจจะสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หรือคณะอักษรศาสตร์ เพราะมองว่าภาษาเป็นเรื่องสำคัญ และต้องการจะกลับไปช่วยทำธุรกิจของที่บ้าน เช่นเดียวกับน้องบอล ศิริชัย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับน้องเจมส์ ที่ตั้งใจจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนสาขาด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดธุรกิจของที่บ้าน
ขณะที่น้องปุ๊ สุภาพร ที่มีบ้านอยู่บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ติดชายแดนไทยพม่าก็เข้ามาเรียนหนังสือใน จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่เด็กเช่นกัน จึงทำให้รู้สึกคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตร่วมกับเด็กนักเรียนไทย แถมยังได้รับคำชื่นชมจากหลายๆ คนด้วยว่าพูดได้หลายภาษา และยังเคยได้รับการติดต่อให้ไปช่วยงานราชการหลายครั้ง โดยการเป็นล่ามแปลภาษาบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเจดีย์สามองค์
“อยากบอกน้องๆ เพื่อนๆ ที่มีเชื้อสายพม่ามอญด้วยกันว่า ไม่ต้องรู้สึกอายใครๆ ที่เราเป็นแบบนี้ จ.กาญจนบุรีมีเด็กกลุ่มนี้เยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่กล้ายอมรับหรือไม่กล้าพูดภาษาพม่ามอญ เพราะกลัวเพื่อนล้อ”
ทั้งนี้ เนื่องจากมีเด็กเชื้อสายพม่ามอญมาเรียนใน จ.กาญจนบุรีจำนวนพอสมควร น้องๆ กลุ่มนี้จึงมีแนวคิดจะรวมกลุ่มกันเพื่อจัดระบบดูแลช่วยเหลือกัน ทั้งเรื่องแนะนำการใช้ชีวิต การปรับตัว รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการเรียน เพียงแต่ยังติดปัญหาว่ายังไม่ทราบจำนวนเด็กกลุ่มนี้ว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด จึงทำให้เกิดการรวมกลุ่มลำบาก เบื้องต้นจึงรวมตัวในกลุ่มญาติพี่น้องก่อน และหวังว่าจะมีรุ่นน้องๆ มาช่วยสืบทอดแนวความคิดนี้ต่อไป เพราะหากทำได้ก็จะช่วยสร้างเครือข่ายเด็กเชื้อสายพม่ามอญในไทยให้เข้มแข็งขึ้น


