โฆษณาที่มีคุณค่า
การโฆษณาทางธุรกิจ เจ้าของซึ่งผู้เป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือผู้ให้บริการจะมุ่งหมายให้ผู้ชม หรือผู้ฟังรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจดจำแบบติดหูติดตา จนเกิดความรู้สึกโน้มน้าวหรือชักจูงที่ใช้ซื้อหรือใช้บริการนั้น บางครั้งอาจจะมีการสร้างความบันเทิงเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรู้สึกผ่อนคลายในการชมหรือฟัง แต่โฆษณาส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะของการยัดเยียดข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการมากกว่าที่จะมุ่งสร้างความรู้สึกดีๆ หรือทัศนคติที่ดีๆ ให้แก่ผู้ชมหรือผู้ฟัง
การโฆษณาทางธุรกิจ เจ้าของซึ่งผู้เป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือผู้ให้บริการจะมุ่งหมายให้ผู้ชม หรือผู้ฟังรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจดจำแบบติดหูติดตา จนเกิดความรู้สึกโน้มน้าวหรือชักจูงที่ใช้ซื้อหรือใช้บริการนั้น บางครั้งอาจจะมีการสร้างความบันเทิงเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรู้สึกผ่อนคลายในการชมหรือฟัง แต่โฆษณาส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะของการยัดเยียดข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการมากกว่าที่จะมุ่งสร้างความรู้สึกดีๆ หรือทัศนคติที่ดีๆ ให้แก่ผู้ชมหรือผู้ฟัง
ที่ผ่านมาโฆษณาที่ประทับใจมักจะเป็นโฆษณาของกิจการประกันชีวิต ที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งจะเน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวและคนที่อยู่ใกล้ชิด และมักจะฝากข้อคิดดีๆ ให้เก็บไปคิด
เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีโฆษณาของค่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งไปขโมยยาจากร้านขายยา และถูกหญิงเจ้าของร้านจับได้ และต่อว่าหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ชายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเห็นเหตุการณ์จึงออกมาและถามเด็กว่าต้องการเอายาไปให้แม่ซึ่งป่วยใช่หรือไม่ เด็กชายพยักหน้า ชายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวจึงจ่ายเงินค่ายาให้เจ้าของร้านขายยา พร้อมให้เกาเหลา 1 ถุงแก่เด็กชายผู้นั้น 30 ปีต่อมา ชายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวยังเป็นผู้มีเมตตาให้ก๋วยเตี๋ยวแก่คนจรจัดที่มายืนขอหน้าร้าน และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อล้มลงต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาอาการทางสมอง ลูกสาวได้พบกับหมอผู้ทำการรักษาและได้รับแจ้งค่ารักษาทั้งหมดเป็นเงิน 7.92 แสนบาท ลูกสาวจึงต้องตัดสินใจเซ้งร้านให้กับคนอื่น แต่วันรุ่งขึ้นลูกสาวของชายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวได้รับจดหมายแจ้งว่า ค่ารักษาทั้งหมดเป็นศูนย์ คุณหมอผู้รักษาเขียนว่า ผมได้รับค่ารักษามาก่อนแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน จากชายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่มอบยาน้ำ 1 ขวด ยาแก้ปวด 3 แผง และเกาเหลา 1 ถุง
โฆษณาชิ้นนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันมาก ผู้คนจำนวนมากที่ได้เห็นโฆษณาชิ้นนี้ต่างประทับใจ บางคนถึงกับน้ำตาไหล มีการส่งต่อๆ กันทางอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย แม้กระทั่งสำนักข่าวต่างประเทศยังได้วิจารณ์นำไปเผยแพร่ต่อและกล่าวถึงว่าเป็นโฆษณาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เพราะเจ้าของบริการหรือผลิตภัณฑ์มิได้มุ่งจะโฆษณาสินค้าหรือบริการของตัวเอง แต่ต้องการที่จะสื่อความหมายให้เห็นถึงความกตัญญูที่มีต่อผู้มีพระคุณ และให้คนไทยทุกคนมีจิตสำนึกในเรื่องของการทำความดีที่มีค่ามากกว่าเงินทอง ทรัพย์สิน เพราะในสังคมปัจจุบันค่านิยมของสังคมไทยเริ่มเปลี่ยนไป สังคมจะยกย่องและให้เกียรติแต่คนที่มีฐานะและร่ำรวยมากกว่าคนที่ทำความดี โดยมิได้สนใจว่าบุคคลที่มีฐานะร่ำรวยนั้น จะร่ำรวยและมีเงินทองได้มาจากวิธีการใด โฆษณาชิ้นนี้จึงเหมือนกระตุ้นเตือนเยาวชนให้กระทำความดีมากกว่าที่จะสร้างความร่ำรวย โดยไม่คำนึงถึงการแบ่งปันให้แก่ส่วนรวม
ถ้าเจ้าของธุรกิจจะใช้เงินบางส่วนของการโฆษณาสร้างเนื้อหาของโฆษณา โดยไม่ยัดเยียดข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการจนมากเกินไป แต่ให้ข้อคิดที่มีประโยชน์และมีคุณค่าต่อการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่ผู้ชม โดยเฉพาะเยาวชน เพื่อให้ประกอบคุณงามความดีและทำประโยชน์เพื่อสังคมและคนส่วนรวมมากกว่าที่จะหวังร่ำรวย น่าจะเป็นการสร้างสิ่งที่ดีให้แก่สังคมไทยท่ามกลางสภาวะความยุ่งเหยิงและความแตกแยกทางการเมืองในขณะนี้


