posttoday

แม็คยีนส์เล็งซื้อธุรกิจไลฟ์สไตล์เพิ่ม

08 ตุลาคม 2556

แม็คยีนส์ เดินหน้าเทกฯ ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เพิ่มจากไทม์ เดคโค ที่ใช้งบ 200 ล้าน เข้าถือหุ้น 51%

แม็คยีนส์ เดินหน้าเทกฯ ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เพิ่มจากไทม์ เดคโค ที่ใช้งบ 200 ล้าน เข้าถือหุ้น 51%

น.ส.อรศิริ ชินกำธรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ แม็คยีนส์ และแม็คมินิ บริษัท แม็คกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้มอบหมายให้บริษัท ลุค บาลานซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ตั้งขึ้นมาเพื่อซื้อกิจการ เข้าเจรจาซื้อกิจการธุรกิจไลฟ์สไตล์เพิ่มเติม เช่น ธุรกิจประเภทแฟชั่น ธุรกิจร้านอาหาร เสริมจากที่ล่าสุดได้เข้าเทกโอเวอร์บริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น ผู้จัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ชั้นนำของโลก ในสัดส่วนหุ้น 51% หรือใช้งบ 200 ล้านบาท

ขณะนี้บริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลงกับผู้ขายแล้ว และคาดว่าจะทำการซื้อขายได้ภายในวันที่ 30 ต.ค.นี้ หลังจากนั้นจะส่งผลให้บริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 210 ล้านบาท จากปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวในบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น เพื่อต่อยอดธุรกิจของบริษัทให้มีความหลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบันมีเพียงสินค้ายีนส์จำหน่ายเท่านั้น ซึ่งหลังจากทำการซื้อขายกิจการเรียบร้อยในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะนำแบรนด์นาฬิกาต่างๆ ของบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น เข้ามาจำหน่ายภายในร้านแม็คยีนส์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ ดีเซล ฟอสซิล เบอร์เบอรี่ ดีเคเอ็นวาย หรือมาร์คจาคอป

“ก่อนหน้าที่บริษัทจะเข้าซื้อกิจการดังกล่าว บริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น มีนายวราฤทธิ์ เปล่งวาณิช และนายภาณุ ณรงค์ชัยกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งหลังจากดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จคงจะต้องมีการประชุมหารือร่วมกันว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร” น.ส.อรศิริ กล่าว

สำหรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ปรับลดลงอยู่ในขณะนี้ บริษัทยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจพอสมควร และอาจส่งผลให้สิ้นปีนี้ภาพรวมรายได้ของบริษัทอาจต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย จากเดิมวางไว้ว่าจะมีรายได้โตประมาณ 30%

อย่างไรก็ตาม หลังบริษัทเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์แม็คมินิ กางเกงยีนส์สำหรับเด็กก่อนวัยรุ่น อายุ 6-12 ปี ทดลองวางเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบรับดี โดยเฉพาะเด็กผู้ชายเนื่องจากไลฟ์สไตล์เด็กผู้ชายจะใส่กางเกงยีนส์มากกว่าเด็กผู้หญิง

น.ส.อรศิริกล่าวว่า ในไตรมาส 3 ปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวกางเกงยีนส์แม็คมินิ สำหรับเด็กผู้หญิงเข้าทำตลาด เพื่อให้สินค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของราคาขายกางเกงยีนส์จะอยู่ที่ประมาณ 1,300-1,500 บาท ขณะที่เสื้อจะมีราคาเฉลี่ยที่ 490-1,090 บาท ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดเพิ่มขึ้นคาดว่าอีก 3 ปีนับจากนี้จะมีรายได้จากแม็คมินิ 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ภายหลังจากเข้าไปทดลองทำตลาดในประเทศพม่าผ่านตัวแทนจำหน่ายได้ผลการตอบรับที่ดี โดยในปลายปีนี้มีแผนที่จะเข้าไปทำตลาดในมาเลเซีย และปีหน้าจะเข้าไปทำตลาดในกัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งหลังจากขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นคาดว่าสิ้นปี 2557 จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 25-30%

ในด้านของภาพรวมตลาดยีนส์ที่จำหน่ายผ่านช่องทางดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของแม็คยีนส์มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในช่องทางดังกล่าว 39% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งการตลาด 38%

น.ส.อรศิริ กล่าวต่อว่า แม้ว่าสิ้นปีนี้บริษัทอาจมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 30% แต่หากนำมาเปรียบเทียบกับภาพรวมตลาดที่ไม่เติบโต ถือว่าแม็คยีนส์มียอดขายที่เติบโตสูง เนื่องจากยอดขายหลักมาจากช็อปแม็คยีนส์โดยภายใน 3 ปีคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 45% ขึ้นเป็นผู้นำตลาดแทนแบรนด์ลี

ข่าวล่าสุด

การปรับบุคลิกของ ChatGPT สู่รูปแบบคำตอบที่ตรงใจยิ่งขึ้น