posttoday

วิศวกร (หนุ่ม) ในพม่า

01 ตุลาคม 2556

เป็นเรื่องธรรมดาของคนไทยที่ต้องไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง จะต้องมโนภาพถึงความยากลำบากในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน

เป็นเรื่องธรรมดาของคนไทยที่ต้องไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง จะต้องมโนภาพถึงความยากลำบากในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการกิน และอื่นๆ อีกมากมายตามที่จะคิดได้

หากใครมีโอกาสได้สัมผัสแล้ว จะรู้ว่าลึกๆ “พม่า” มีอะไรดีๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย เช่นเดียวกับหนุ่ม (น้อย) วัย 24 ปี อย่าง ฝ้ายกีรติสุทธิโกเศศ วิศวกรระบบท่อ ของบริษัท โตโยไทยเมียนมาร์ ที่ต้องมาประจำการที่พม่าหลังเรียนจบและเริ่มทำงานได้เพียงปีครึ่งเท่านั้น

หนุ่มฝ้ายเล่าถึงความรู้สึกแรกที่รู้ว่าต้องมาทำงานที่พม่าว่า ด้วยความเป็นเด็กจบใหม่ เพิ่งเริ่มต้นทำงานในตำแหน่งวิศวกรระบบท่อที่โตโยไทยได้เพียงปีกว่า ก็ถูกส่งมาทำงานที่พม่าแล้ว ก็รู้สึกกลัวตามประสาตามที่เคยได้ยินและฟังข่าวมา (หัวเราะ)

“แรกๆ ที่เจอเพื่อนร่วมงานชาวพม่าก็เกร็งๆ บ้าง เพราะเขาไม่ค่อยยิ้ม และหน้าตาก็ดูเหมือนว่าจะมาหาเรื่องเรา (หรือเปล่า) ก็เลยดูน่ากลัว แต่พอได้คุยกันแล้วก็พบว่า เป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ เขาจะไม่ค่อยยิ้มเหมือนคนไทย แต่จริงๆ แล้วเป็นเพื่อนร่วมงานที่มีน้ำใจ เทกแคร์ดี และเป็นกันเอง (มาก)”

กีรติ อธิบายถึงความเป็นกันเองของเพื่อนร่วมงานชาวพม่าว่า ด้วยความที่อายุห่างกันไม่มาก อีกทั้งเพื่อนร่วมงานบางคนมีอายุมากกว่าด้วยซ้ำ จึงทำให้ช่วงแรกๆ ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาชาวพม่าก่อน และให้ความเป็นกันเองในระดับหนึ่ง คือ สามารถพูดคุยหรือไปเที่ยวด้วยกันได้ เวลาเลิกงาน ชาวพม่าก็จะให้ความเป็นกันเองกับเขา มีทั้งกอดไหล่และเล่นหัวกันได้ แต่เวลางาน ชาวพม่าก็ค่อนข้างให้เกียรติและเคารพกีรติในฐานะหัวหน้างานเช่นกัน

วิศวกร (หนุ่ม) ในพม่า

 

หลังจากทำงานที่พม่ามาได้ 9 เดือน กีรติบอกว่า ทำให้ทัศนคติที่เคยได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับพม่าหายไปหมด ส่วนเรื่องภาษาในการสื่อสารนั้น ไม่มีปัญหาเลย เพราะคนพม่าส่วนใหญ่ที่จบปริญญาตรีสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก จนตอนนี้บอกได้เลยว่า มีเพื่อนเป็นคนพม่าเยอะมาก

“การปรับตัวของผม คือ เข้าไปชวนคุย ชวนเที่ยว โดยให้เพื่อนวิศวกรพม่าที่นี่พาเราเที่ยวรอบย่างกุ้ง ถึงขนาดเคยลองใช้ชีวิตแบบคนพม่า นุ่งโสร่ง ประแป้งทานาคา นั่งรถเมล์ (พม่า) ไปเที่ยว แต่ครั้งเดียวก็พอ เพราะรถเมล์พม่าแน่นมาก (ลากเสียงยาว) ขับซิ่ง แถมยังร้อนและกลิ่น (ตัว) แรงสุดๆ แต่ค่ารถก็ถูกนะแค่ 400 จ๊าด”

นอกจากนี้ กีรติเคยแต่งตัวแบบคนพม่าปะปนไปกับกลุ่มเพื่อนร่วมงานไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งพบว่า ช่วยประหยัดเงินได้ เพราะค่าตั๋วเข้าสวนสนุกหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สำหรับชาวต่างชาติมักจะสูงกว่าชาวพม่าประมาณ 5% หรือค่าแท็กซี่ก็แพงกว่าปกติ 2-3 เท่า

ส่วนเรื่องอาหารนั้น วิศวกรหนุ่มเคยลองกินอาหารพม่าแท้ๆ ตามร้านข้างทาง ที่เป็นข้าวจานโตโปะหมูสามชั้นในน้ำมัน (แบบนองๆ) ซึ่งกีรติบอกว่า รู้สึกเหมือนกินข้าวคลุกน้ำมัน บางครั้งเขาจะพกปิ่นโตจากบ้านมากิน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนพม่า ซึ่งช่วยประหยัดค่าอาหารได้ถึงวันละ 500 จ๊าดเลยทีเดียว

กีรติเล่าต่อถึงวัยรุ่นพม่าว่า มักจะไปเที่ยววัด สวนสาธารณะ สวนสัตว์ หรือไม่ก็สวนสนุก แต่มีบ้างที่ไปเดินห้าง ส่วนผับหรือเธค จะไม่ค่อยเห็นคนพม่านิยมเที่ยวนัก เพราะชาวพม่าชอบไปพบปะสังสรรค์พูดคุยกันตามร้านน้ำชามากกว่า

ที่สำคัญ คนพม่าค่อนข้างเป็นคนประหยัด เพราะเงินเดือนค่อนข้างน้อย วิศวกรพม่าที่จบปริญญาตรีจะได้เงินเดือนประมาณ 1-1.5 แสนจ๊าด หรือประมาณ 6,000 บาท หากบวกสวัสดิการอื่นด้วยก็ตก 7,000-8,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น

“มีบางเวลาที่เราชวนเขาออกไปเที่ยว เราก็ต้องเป็นคนออกค่ารถหรือค่าอาหารให้เขา เพราะถือเป็นการแลกเปลี่ยนน้ำใจที่เขามีให้เวลาพาเราไปเที่ยวที่ต่างๆ จนบางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นป๋าเลย (ยิ้ม)” กีรติ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี