งานวิจัยที่พลิก 'ลำไย' สู่การเติบโตที่ยั่งยืน
“ลำไย” ผลไม้ขึ้นชื่อของภาคเหนือและนับเป็นผลไม้ประจำ จ.ลำพูน เพราะทุกอำเภอในลำพูนล้วนปลูกต้นลำไย รวมๆ แล้วมีพื้นที่ประมาณ 270,590 ไร่
โดย...ทีมข่าวธุรกิจติดดาว
“ลำไย” ผลไม้ขึ้นชื่อของภาคเหนือและนับเป็นผลไม้ประจำ จ.ลำพูน เพราะทุกอำเภอในลำพูนล้วนปลูกต้นลำไย รวมๆ แล้วมีพื้นที่ประมาณ 270,590 ไร่ ผลผลิตในฤดูมีกว่า 2 แสนตัน สร้างมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี แต่ในช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.ส.ค. เป็นช่วงที่ลำไยให้ผลผลิตจำนวนมาก จนเกิดปัญหาลำไยล้นตลาดและมีการเน่าเสีย เนื่องจากผลลำไยนั้น เมื่อเก็บจากต้นแล้วจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 72 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเน่าเสีย เพราะบริเวณเปลือกจะมีเชื้อรา ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวสวนลำไยมาก
ขณะที่ภาครัฐและเอกชนได้เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ทั้งหาช่องทางตลาด การส่งออก ต่างประเทศ รวมไปถึงการแปรรูป โดยทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. เล็งเห็นปัญหานี้ จึงได้เข้ามาช่วยเกษตรกรชาวสวนลำไย ด้วยการทำลำไยอบแห้ง ภายใต้โครงการวิจัย “วิธีการยืดอายุและการเก็บรักษาลำไยสด เพื่อการแปรรูปเป็นเนื้อลำไยอบแห้งในเชิงพาณิชย์” โดย รัตนา อัตตปัญโญ คณบดีคณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยพะเยา เจ้าของผลงานวิจัยได้คิดค้นวิธีการนำผลลำไยสดมาแปรรูปอบแห้งด้วยลมร้อนที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส ทำให้รักษาสีของลำไยให้เป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีเหลืองทอง
โครงการวิจัยนี้ใช้เวลาศึกษานานกว่า 1 ปี โดยคณะผู้ทำวิจัยเริ่มลงมือศึกษาตั้งแต่นำผลลำไยสดมาศึกษาการยืดอายุ ทั้งด้านเคมีและกายภาพจนค้นพบว่า การทำลำไยอบแห้งจะช่วยยืดอายุลำไยได้ดีที่สุด เพราะจะยังคงรักษาความหวาน สี และปริมาณความชื้น สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น จึงนำผลงานวิจัยนี้ไปถ่ายทอดสู่ชาวบ้าน ที่บ้านต้นผึ้ง อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ทำอาชีพสวนลำไย และรวมกลุ่มกันมาเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูป บ้านต้นผึ้งนำลำไยมาแปรรูปส่งขายทั้งในและต่างประเทศ
ยุพิน อุ่นใจ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปบ้านต้นผึ้ง เล่าถึงความภูมิใจที่ สกว. นำผลงานวิจัยเข้ามาช่วยชาวบ้านแปรรูปผลลำไยสดที่ล้นตลาดมาเป็นลำไยอบแห้ง ว่าเดิมชาวบ้านจะนำลำไยที่ล้นตลาดและผลไม่สวยงาม มาทำลำไยอบแห้งด้วยวิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่มีตู้อบ ใช้เตาถ่านและฟืนช่วยในการอบ ทำให้ลำไยอบแห้ง ผลไม่สวยงาม และบางลูกก็ไม่แห้งสนิท แถมมีกลิ่นเขม่าควันไฟปะปนไปด้วย ทำให้ได้ลำไยอบแห้งที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะส่งขายต่างประเทศได้ แต่เมื่อทางสำนักงาน สกว. มาแนะนำการทำลำไยอบแห้งแบบถูกขั้นตอน และมีกรรมวิธีที่ทำให้ได้ผลลำไยอบแห้งที่สวยงามเป็นสีเหลืองทอง รสชาติอร่อย
สำหรับลำไยที่ทางกลุ่มใช้ทำอบแห้งนั้นเป็นลำไยพันธุ์อีดอ ซึ่งเป็นพันธุ์ขึ้นชื่อของ จ.ลำพูน และชาวสวนนิยมปลูกเป็นจำนวนมาก โดยเลือกผลที่กลม โต ไม่แตก และไม่เน่าเสีย นำมาล้างก่อนจะนำไปคว้านเม็ด ปอกเปลือกด้วยเครื่องคว้านเม็ดลำไย ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “ตุ๊ดตู่” ผลลำไยที่ถูกคว้านเม็ด และล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งแล้ว จะถูกนำไปจัดเรียงใส่ตะแกรงผึ่งให้สะเด็ดน้ำ ก่อนจะนำเข้าตู้อบ ซึ่งตู้อบนี้จะใช้ระบบลมความร้อนจากก๊าซหุงต้มแทนการใช้ฟืนในอดีต ทำให้ลำไยอบแห้งได้อย่างทั่วถึงทุกผลและไม่มีกลิ่นควันฟืน โดยใช้เวลาอบประมาณ 8 ชั่วโมง ก็จะได้ลำไยอบแห้ง ผลสีทอง ลูกกลม สวยงาม พร้อมนำไปบรรจุจำหน่ายได้ทันที
“ลำไย” ผลไม้คุณค่ามหัศจรรย์ อุดมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนหลายชนิดที่ร่างกายต้องการ สรรพคุณของลำไยอบแห้ง ช่วยบำรุงหัวใจ คลายเครียด ทำให้ร่างกายอบอุ่น แก้อ่อนเพลีย ทำให้สดชื่นนอกจากการแปรรูปลำไยอบแห้งแล้ว ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปบ้านต้นผึ้ง ยังมีคาราเมลลำไย ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการอบลำไยด้วยตู้อบลมร้อน ซึ่งมีลักษณะคล้ายน้ำผึ้งบริสุทธิ์สามารถนำไปจำหน่ายได้อีกเช่นกัน ส่วนลำไยที่ผ่านการอบแห้งแล้วแต่มีผลที่ไม่สวยงาม หรือแตก ก็จะนำไปบดละเอียด แปรรูปเป็นลำไยผง หรือน้ำตาลลำไย เรียกได้ว่าการแปรรูปลำไย สามารถนำไปทำได้หลายวิธี
ผลสำเร็จจากงานวิจัยนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาลำไยล้นตลาดแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง ได้รสชาติและสีสันเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค มีอายุการเก็บรักษานาน และมีความปลอดภัยสูง นับเป็นความโชคดีของเกษตรกรไทยที่มีหน่วยงานดีๆ นำผลวิจัยมาช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาให้อย่างยั่งยืน และพัฒนาไปสู่ความสำเร็จ


