posttoday

ทีดีอาร์ไอ-ส.นักข่าวอัดกสทช.คุกคามสื่อ

05 กันยายน 2556

ทีดีอาร์ไอ ผนึก สมาคมนักข่าวฯ อัดกสทช.คุกคามสื่อ ทั้งที่นำเสนอข้อมูลคลื่นความถี่ 1800 เพื่อสาธารณชน

ทีดีอาร์ไอ ผนึก สมาคมนักข่าวฯ อัดกสทช.คุกคามสื่อ ทั้งที่นำเสนอข้อมูลคลื่นความถี่ 1800 เพื่อสาธารณชน

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และ คณะกรรมการนโยบายสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส แถลงชี้แจงกรณีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรทคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฟ้องหมิ่นประมาท น.ส.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัยทีดีอาร์ไอ และ น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้สื่อข่าวและผู้ดำเนินรายการที่นี่ไทยพีบีเอส กรณีประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตซล่าช้าสร้างความเสียหาย 1.6 แสนล้านบาท

น.ส.เดือนเด่น กล่าวว่า ความเสียหาย 1.6 แสนล้านบาท เป็นข้อมูลทางวิชาการที่มีการตั้งข้อสังเกต แต่ กสทช.อ้างถึง และเปรียบเทียบรายงานผลการศึกษาของสถาบันอนาคตไทยและอังกฤษ ซึ่งในที่นี้ต้องการให้ กสทช. ชี้แจงต่อสาธารณชนว่าได้คำนึงถึงต้นทุนหรือไม่  นอกจากนี้ ในฐานะที่เคยเป็นคณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมเรื่องประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ หาก กทค. ทำตามข้อเสนอแนะของคณะอนุฯ ชุดดังกล่าวแต่แรก ก็จะเปิดประมูลได้ทันภายในปีนี้

น.ส.ณัฐฐา โกมลวาทิน  กล่าวว่า การนำเสนอข่าวเรื่องเกี่ยวกับคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตซ เป็นการอ้างอิงผลวิจัย จากสถาบันอนาคตไทย เมื่อกสทช.ตัดสินใจต่ออายุสัมปทานไม่ได้นำคลื่นไปประมูลต่อ ซึ่งทางรายการได้นำเสนอความเห็นในส่วนของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. เพื่อให้มีมุมมองรอบด้านแล้ว 

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นประเด็นสาธารณะ เพราะทีดีอาร์ไอ ได้เสนอความเห็นทางวิชาการและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของกสทช. โดยมีที่มาที่ไป และบอกวิธีการคิดและนำเสนอ ซึ่งทีดีอาร์ไอไม่ได้ตัดสินแต่เป็นการตั้งคำถาม

“การที่ กสทช.มีความเห็นโต้แย้งตามที่เป็นข่าวก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนักวิชาการได้แสดงความเห็น หากพาดพิงก็ย่อมถูกตรวจสอบได้ โดยการนำเสนอข้อมูลและหลักวิชาการมาหักล้างกัน ส่วนสาธารณะจะเลือกเชื่อฝ่ายใด เป็นดุลยพินิจของประชาชน ซึ่งจากการทำงานมา 30 กว่าปี เคสนี้ถือเป็นครั้งแรกขององค์กรที่โดนฟ้องจาก กสทช.” นายสมเกียรติกล่าว

น.ส.มาลี บุญศิริพันธ์ ประธานกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 มาตรา 43 ระบุว่า ประเด็นใดก็ตามที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์ เป็นหน้าที่ขององค์กร ที่จะปกป้องและยึดถือกับประชาชนอย่างทั่วถึง และไม่ใช่แค่สื่อสารธารณะ เพราะหน้าที่ ไทยพีบีเอส คือ เปิดโอกาสให้ทุกคนมีพื้นที่

“กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะไทยพีบีเอส เกิดขึ้นมาจากประชาชน โดยมีหน้าที่นำเสนอเรื่องที่คลุมเครือ และถ้าฝ่ายตรงข้ามต้องการชี้แจง ไทยพีบีเอสก็เปิดพื้นที่ให้อยู่แล้วอย่างเคร่งครัดของกรรมการนโยบาย คือ ต้องนุ่มลึก รอบด้าน เสมอภาค และสมดุล หากมีอะไร ฝ่ายข่าวหรือฝ่ายเกี่ยวข้อง ก็พร้อมสนองตอบทันที” น.ส.มาลีกล่าว

นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของสังคมเกี่ยวกับบรรยากาศการใช้เสรีภาพ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า กสทช.เป็นองค์กรที่ปฏิรูปสื่อ แต่กลับมีความคิดย้อนยุค ทำร้ายเสรีภาพสื่อ และกรณีนี้ใช้กฎหมายข่มขู่ และทำลายเสรีภาพทางวิชาการ 

นายวิสุทธิ์ คมวัชระพงษ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวว่า การนำเสนอให้รัฐสูญเสียรายได้ ไม่ได้กล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่น แต่เป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง และการวิเคราะห์ความเห็น โดยที่สื่อไม่ได้ตัดสินว่าถูกหรือผิด หากเห็นว่าเรื่องที่เสนอไม่ถูกต้องคลาดเคลื่อน ก็คิดว่าควรชี้แจงหรือแถลงตอบโต้ ไม่ใช่การฟ้องร้อง 

อย่างไรก็ตาม สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ ร่วมลงนามข้อตกลง (เอ็มโอยู) ประสานกับ สภาทนายความแห่งประเทศไทย หากไม่ถอนฟ้องก็ต้องสู้กันเพราะมีเจตนาสุจริต

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี