เบนซ์ อี 300 ดีเซลไฮบริด
สัปดาห์นี้มากับความสดใหม่ของเทคโนโลยีล่าสุดที่บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) ภูมิใจนำเสนอในรถยนต์รุ่น E300 BlueTEC HYBRID ที่มาพร้อมกับชุดแต่ง AMG Sport Package โดยครั้งนี้ได้เดินทางบนเส้นทาง กรุงเทพฯนครราชสีมา ระยะทางกว่า 300 กม. พร้อมแวะเยี่ยมชมดีลเลอร์รายล่าสุดอย่างเป็นทางการ “เอ็มบี โคราช ออโตเฮาส์”
สัปดาห์นี้มากับความสดใหม่ของเทคโนโลยีล่าสุดที่บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) ภูมิใจนำเสนอในรถยนต์รุ่น E300 BlueTEC HYBRID ที่มาพร้อมกับชุดแต่ง AMG Sport Package โดยครั้งนี้ได้เดินทางบนเส้นทาง กรุงเทพฯนครราชสีมา ระยะทางกว่า 300 กม. พร้อมแวะเยี่ยมชมดีลเลอร์รายล่าสุดอย่างเป็นทางการ “เอ็มบี โคราช ออโตเฮาส์”
E300 BlueTEC HYBRID ที่ว่ามาด้วยความสดใหม่คือ เครื่องยนต์ดีเซล แต่ไม่ได้มาแบบเดี่ยวๆ เพราะเดี๋ยวจะธรรมดาเกินไป... เลยมาพร้อมกับเทคโนโลยีไฮบริด ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็น “ดีเซลไฮบริด” ผสานพลังเทคโนโลยีแห่งความประหยัดกันได้อย่างลงตัว
เครื่องยนต์ “ดีเซลไฮบริด” ในเจ้ายนตรกรรมระดับหรูคันนี้มีขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตรที่ 1,6001,800 รอบต่อนาที และยังทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดน้ำหนักเบา แต่ให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยม สามารถผลิตแรงบิดสูงสุดได้ถึง 280 นิวตันเมตร และให้กำลัง 27 แรงม้า
และจุดเด่นที่ E300 BlueTEC HYBRID คันนี้แตกต่างจากรถเทคโนโลยีไฮบริดทั่วไปคือ ตำแหน่งที่วางของแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนขนาด 120 โวลต์ ที่ไว้ใช้สำรองพลังงานติดตั้งอยู่ภายในห้องเครื่องยนต์ จากทั่วไปจะอยู่ที่บริเวณเบาะที่นั่งด้านหลัง
ไม่เท่านั้น ปกติแล้วเวลาระบบมอเตอร์ไฟฟ้าของไฮบริดทำงานในรุ่นอื่นๆ ระบบทำความเย็นจะถูกตัดไป เหลือแต่พัดลมเป่าอากาศทำงาน แต่ใน E300 BlueTEC HYBRID คันนี้ระบบทำความเย็นได้ถูกเชื่อมต่อกับระบบสำรองพลังงาน ทำให้เมื่อระบบไฟฟ้าทำงานในห้องโดยสารยังคงให้ความเย็นปกติ...ไม่มีร้อน
หลังจากลองศึกษาเทคโนโลยี “ดีเซลไฮบริด” ของเจ้า E300 BlueTEC HYBRID มาถึงเวลาสตาร์ตเครื่องยนต์กันบ้าง กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ถึงกับต้องเหลือบตาดูหาสัญลักษณ์ว่าเครื่องยนต์ติดหรือยัง เพราะความเงียบสงัดของเครื่องยนต์ทำให้ไม่รู้สึกเลยว่าเครื่องยนต์ทำงานแล้ว ซึ่งมีจุดบ่งบอกว่าเครื่องยนต์ทำงานโชว์ว่า Ready บนเรือนไมล์ เลยสบายใจได้ว่าพร้อมออกเดินทาง
สิ่งที่สัมผัสได้ของสมรรถนะทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่างคันนี้ คือ อัตราตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด มีความนุ่มนวลและต่อเนื่องพร้อมตอบสนองในทุกย่านความเร็ว... จี๊ดจ๊าดถึงใจ แต่สำหรับคนมือหนักเท้าหนักอาจจะต้องระวังสักหน่อย เผื่อระยะเบรกไว้สักนิด... เพราะถ้าแตะเบรกแบบเลี้ยงๆ ไว้จะไหลๆ แต่ถ้ากดหนักหน่อยก็จะหัวทิ่มได้ ต้องลองจับจังหวะดูดีๆ
ในขณะที่เมื่อความเร็วไม่เกิน 35 กม./ชม. จะเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งเหมาะมากกับการขับขี่ในเมืองที่รถเดี๋ยวติดเดี๋ยวเลื่อนตลอดเวลา ซึ่งภาพรวมความประหยัดที่ “เบนซ์” เคลมไว้เมื่อเทียบกับรุ่น E250 CDI เดิมในอัตราส่วนน้ำมัน 1 ลิตร E300 BlueTEC HYBRID คันนี้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นถึง 31.16%
จากการลองสัมผัสช่วงล่างของ E300 BlueTEC HYBRID ทั้งเป็นผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหลัง ค่อนข้างสงสัยในการเซตช่วงล่างของเจ้าคันนี้จริงๆ เนื่องจากด้วยความเป็น EClass ที่น่าจะต้องให้ความนุ่มนวลแต่แน่นหนึบตามมาตรฐานเบนซ์ แต่ E300 BlueTEC HYBRID นี้มีความนุ่มนวลน้อยกว่าปกติ และในบางจังหวะทำความเร็วช่วงล่างอาจจะออกอาการให้เห็นบ้างเล็กน้อย... ซึ่งเมื่อดูจากขนาดยางที่ให้มา ด้านหน้า 255/40/R18 และด้านหลัง 265/35/R18 ก็พอจะเข้าใจถึงที่มาที่ไปและที่มาพร้อมกับเสียงยางที่แทรกเข้ามาภายในห้องโดยสารนิดๆ ได้
สำหรับการออกแบบภายนอกนั้น บอกได้คำเดียวเลยว่า “ดุดัน” แต่คงความ “หรูหรา” ตามแบบฉบับ AMG Bodystyling ที่ตกแต่งกระจังหน้ามาพร้อมสัญลักษณ์ “ดาวสามแฉก” พร้อมชุดแต่ง ปลายท่อไอเสียสี่เหลี่ยมแบบ 2 ท่อ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และไฟหน้าแบบไบซีนอน และไฟแอลอีดี คุณภาพสูงรูปแบบใหม่ สวยงามตระการตาตลอดเวลาที่ไฟ Daylight ติด
มาสัมผัสภายในที่ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบอัจฉริยะจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย AMG แบบมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้านท้ายตัดหุ้มหนัง Nappa ม่านบังแดดหลังปรับขึ้นลงไฟฟ้า หลังคาแบบพาโนรามิก เลื่อนเปิดปิดไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบควบคุมอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง ระบบความบันเทิงที่พร้อมเชื่อมต่อทุกช่องทาง ระบบปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ และอื่นๆ อีกเพียบ!!
อย่างหนึ่งที่รู้สึกได้คือ การให้สีสันภายในที่เป็นสีเข้ม โดยสำหรับคนที่ได้ลองขับคันนี้ ภายในเป็นสีดำล้วนตัดด้วยสีเงินโครเมียม ให้ความรู้สึกดูอึดอัดไปสักนิด ถ้าจะให้ดีลองเลือกสีที่ดูสว่างสักนิด จะได้ให้อารมณ์กว้างขวางมากขึ้น
ด้านระบบความปลอดภัยของ E300 BlueTEC HYBRID คันนี้ไม่ต้องห่วงเลย เพราะจัดเต็มด้วยระบบภาษาอังกฤษ 3 หลักเพียบ อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบช่วยเบรก (BAS) ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ASR) และอื่นๆ อีกมากมาย
ไม่เท่านั้น ความฉลาดของเทคโนโลยีในรถคันนี้ยังไม่หมด เพราะมีระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ASSYST PLUS) และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ... ที่พิเศษใส่ไข่เพิ่มเส้น กว่าปกติทั่วไปคือ ปกติจะถอยเข้าจอดได้เฉพาะขนานด้านข้างรถ... แต่นี่เป็น “เบนซ์” จึงต้องทำได้มากกว่าคือ ถอยจอดเข้าช่องจอดได้ เหมือนเวลาเราเอารถเข้าไปจอดตามห้างสรรพสินค้าอย่างไรอย่างนั้นทีเดียว
มาจนถึงบรรทัดนี้แล้วข้อมูลยังไม่หมด มีอีกเพียบกับความฉลาดของ E300 BlueTEC HYBRID คันนี้... แต่อีก 3 หน้ากระดาษก็อาจจะยังไม่พอ คงต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองสำหรับผู้ที่สนใจในศูนย์บริการเมอร์เซเดสเบนซ์ ใกล้บ้าน กับราคาค่าตัว 4.49 ล้านบาท


