posttoday

ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้น

28 กรกฎาคม 2556

โดย...เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก/[email protected]

โดย...เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก/[email protected]
 
การติดตามตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านจะพบว่ามีปัจจัยหลายอย่างเข้ามากระทบ และยิ่งกรณีการดูปัจจัยที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ จะยิ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามากระทบ ซึ่งจะขอจัดปัจจัยที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับการลงทุนดังนี้

อันดับหนึ่ง เรื่องของ FUND FLOW ซึ่งต้องยอมรับว่าบทบาทดังกล่าวนี้ทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้น ทั้งในแง่ของ SET INDEX ที่มาที่ไปก็คือ การใช้มาตรการอัดฉีดปริมาณเงินของประเทศขนาดใหญ่ต่างๆ เริ่มจากสหรัฐ มาสุดท้ายที่ญี่ปุ่น ซึ่งผลจากปัจจัยดังกล่าวทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้นด้วย และตลาดหุ้นไทยก็ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยดังกล่าว

อันดับสอง เรื่องปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งหมายถึงปัจจัยการชี้นำระยะสั้น ตัวเลขทางเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยที่กล่าวมามีความสัมพันธ์ ยกตัวอย่างเช่น กรณี GDP ของประเทศเติบโต ซึ่งก็หมายถึงเศรษฐกิจดี และบริษัทจดทะเบียนก็น่าจะมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีเช่นกันด้วย

อันดับสาม ปัจจัยการเมือง ซึ่งต้องยอมรับว่าในประเทศเกิดใหม่ ปัจจัยดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญ เนื่องจากการเมืองไม่นิ่ง และนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนใหญ่มีการออกนโยบายจากฝ่ายการเมือง

มาพิจารณาถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องมาพิจารณาใน|เรื่องของการชี้นำตลาดหุ้น ต้องยอมรับว่าการเรียงอันดับที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะชัดเจนในแง่ของปัจจัยที่เกิดขึ้นจาก FUND FLOW เป็นสิ่งที่ราคาหุ้นมีการตอบรับที่สูง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้สูงมาก ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่น่าจะเริ่มร้อนแรงตั้งแต่นี้ต่อไป นั่นก็คือ

ปัจจัยเกี่ยวกับการเมือง เนื่องจากเริ่มมีการประเมินกันว่า ในการเปิดสภาในเร็ววันนี้ น่าจะมีการพิจารณาอนุมัติในเรื่องราวที่มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หรือแม้แต่โครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ที่ต้องการผ่านการพิจารณา ประเด็นอยู่ที่ปัจจัยที่เคยเป็นอันดับหนึ่ง คือ FUND FLOW ณ จุดนี้น่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นน้อยลง

เนื่องจากความชัดเจนในการดำเนินนโยบาย QE ของสหรัฐ เพราะฉะนั้นปัจจัยการเมืองจะเริ่มเข้ามามีผลมากยิ่งขึ้น จะแตกต่างในหลายปีที่ผ่านมา แม้มีความรุนแรงทางการเมือง และน่าจะแรงมากในรอบหลายปี แต่ราคาหุ้นกลับไม่ได้สะท้อน นั่นเป็นเหตุผลเนื่องจากมีการรองรับจาก FUND FLOW ที่มีการไหลเข้ามา เพราะฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่อันดับความสำคัญจะเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยผลต่อ FUND FLOW จะมีผลที่ลดลง

จากสิ่งที่มาวิเคราะห์นำมาจัดปัจจัยที่จะเกิดขึ้นในเหตุการณ์ปัจจุบันดังนี้ คาดว่าปัจจัยที่มีผลมากขึ้นจะเป็นปัจจัยการเมือง แต่ผลการสะท้อนจะไม่เกิดขึ้นเฉพาะผลลบ ในบางมุมมองอาจจะเกิดขึ้นในทิศทางบวกก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นจากที่ไม่เคยให้น้ำหนักปัจจัยการเมือง จึงต้องให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

ส่วนในมุมมองของ SET INDEX ในระยะสั้นจะพบว่า SET INDEX ได้มีการวิ่งขึ้นมาในช่วงสัปดาห์ก่อน จนทำให้ผ่านแนวต้านที่ 1,475-1,492 และเหตุการณ์ล่าสุดก็มีการอ่อนตัวลงมาอีกครั้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องจับตาก็คือ 1,475 ต้องมีการรองรับให้อยู่ เพราะกรณียืนอยู่จะหมายถึงการเปลี่ยนแนวโน้มของ SET INDEX ที่มีการปรับฐานมาตลอดในระยะหลายเดือนที่ผ่านมา คือ จะเปลี่ยนแนวโน้มจากการปรับฐาน (ลง) เป็นสิ้นสุดการปรับฐาน และเปลี่ยนสถานะเป็นการซิกแซ็กขึ้น?

ข่าวล่าสุด

จากดราม่า ‘น้องหมากินข้าวร่วมโต๊ะในร้าน’ สู่การส่องกฎหมาย Pet Friendly ของ ‘เกาหลีใต้’