ศูนย์ค้าส่งฮึดสู้ศก.วูบอ้าแขนรับลูกค้านอก

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ย่านสำเพ็ง ประตูน้ำ และโบ๊เบ๊ ถือว่าเป็นศูนย์ค้าส่งและค้าปลีกของไทยเก่าแก่ และเปรียบเสมือนย่านการค้าที่เป็นรากฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นระบบการค้าการขายไปยังพ่อค้าแม่ค้าระดับรากหญ้าต่างจังหวัด จนถึงร้านค้ารายย่อยทั่วไป

ทว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้ กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น 300 บาท บวกกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากการเปิดเสรีการค้าระหว่างไทยกับจีน และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะทำให้สินค้าจีน กัมพูชา จะทะลักสู่ตลาดมากขึ้น

ณัฐปราบ อุดมสัจจพันธ์ บริษัท วัฒนเจริญ บัททึ่น เฮ้าส์ ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า เปิดเผยว่า ย่านสำเพ็งเป็นศูนย์การค้าส่งของไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นผู้ประกอบที่จำหน่ายสินค้าขายส่งและปลีกในราคาไม่แพง ซึ่งหากยอดขายสำเพ็งตก ก็สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยไม่ดี

ทั้งนี้ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นกิจการที่สืบทอดมาจากรุ่นพ่อที่เข้ามาค้าขายในสำเพ็งร่วม 50 ปี แต่ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายลดลง ส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ประกอบกับตลาดเสื้อผ้าสำเร็จรูปเริ่มเข้ามาแทนที่เสื้อผ้าแบบตัดเย็บและค่าแรง 300 บาท ทำให้ต้นทุนต่างๆ ปรับเพิ่มตาม

สำหรับการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของกิจการ ที่ผ่านมาพยายามขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะชาวอินเดีย และเมื่อ 23 เดือนที่ผ่านมาได้ฐานลูกค้าที่มัลดีฟส์ อีกทั้งขณะนี้มีลูกค้าจากต่างประเทศเดินทางมาสั่งซื้อสินค้าในสำเพ็งมากขึ้นด้วย

เพื่อมาทดแทนกับตลาดในไทยที่ชะลอตัว

“ถนนสำเพ็งยุคแรกๆ เจ้าของกิจการมักสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จากพ่อสู่ลูกสู่หลาน แม้ว่าการค้าขายไม่ดีเหมือนในอดีต แต่ก็ยังถือว่าเป็นถนนมังกรแห่งการค้าการขาย ทำให้ไม่ค่อยมีใครทิ้งกิจการไป แต่หากเป็นพื้นที่เช่า จะเปลี่ยนมือกันบ่อย” ณัฐปราบ กล่าว

วิลาสินี ชูวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามรุ่งเรือง ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าบีวาลา กล่าวว่า ในย่านการค้าส่งประตูน้ำซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัย เพื่อเอื้อให้กับผู้ที่มาเดินซื้อสินค้าสะดวกสบาย และเป็นศูนย์ค้าส่งที่สามารถมัดใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ก็ได้รับพิษจากภาวะเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน ทำให้ช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ได้ปรับตัวหันไปรุกขยายตลาดส่งออกในประเทศเพื่อนบ้านแทน อาทิ กัมพูชา เวียดนาม พม่า เพราะเป็นประเทศที่เปิดมากขึ้น พฤติกรรมคนเริ่มแต่งตัวสู่สากลยิ่งขึ้น มีกำลังการซื้อสินค้าจากระบบเศรษฐกิจที่ขยายตัว ตลาดเสื้อผ้าจึงขยายตัวสูง

ขณะที่ตลาดเสื้อผ้าของไทยเริ่มอิ่มตัวและแฟชั่นมาไวไปไว ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวผลิตเสื้อผ้า 7080 ตัวต่อคอลเลกชัน จากเดิมจะผลิต 100 ตัวต่อคอลเลกชัน จำหน่ายในกรุงทอง ศูนย์ค้าส่งในย่านประตูน้ำ เพื่อลดปริมาณสินค้าที่ค้างสต๊อก และนำสินค้าที่ค้างสต๊อกออกจำหน่ายราคาต่ำกว่าทุน 5080 บาท

ชญาณิศา ลิ้มดำเนิน ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดกีฬาที่โบ๊เบ๊ ทาวเวอร์ กล่าวว่า โบ๊เบ๊เป็นศูนย์การค้าส่งอีกเกรดหนึ่งเมื่อเทียบกับย่านประตูน้ำที่เน้นเสื้อผ้าแฟชั่นเจาะคนรุ่นใหม่มากกว่า แต่เสื้อผ้าที่โบ๊เบ๊จะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่และเสื้อผ้าเด็ก มีราคาค้าส่งย่อมเยามากกว่า

อย่างไรก็ตาม กิจการของครอบครัวก็ได้ปรับตัวโดยการตัดเย็บเสื้อผ้าจำหน่ายตามเทศกาลด้วย เช่น เทศกาลสงกรานต์ก็จำหน่ายเสื้อผ้าลายดอก จากปกติทางร้านจะจำหน่ายชุดกีฬา และจากที่เคยตัด 4050 โหลต่อแบบต่อขนาด ตอนนี้ลดลง 50% หรือ 20 โหล เพื่อบริหารสินค้าสต๊อกให้เหลือน้อยที่สุด

สำหรับร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเด็ก ฮันนี่ มูน ในย่านโบ๊เบ๊ ระบุว่า ทางร้านจะสั่งซื้อเสื้อผ้าจากโรงงาน โดยเลือกขนาดเสื้อผ้าเด็กหรือแบบที่มียอดขายดีมาจำหน่าย โดยเสื้อผ้าเด็กจะเลือกขนาดไซส์ใหญ่ เพราะพ่อแม่มักซื้อเสื้อผ้าเผื่อลูกโต ส่วนขนาดเล็กไม่เน้นนำมาจำหน่าย

พิษเศรษฐกิจปีนี้ ย่านการค้าสำเพ็ง โบ๊เบ๊ ต่างพลอยได้รับกระทบยอดขาย ประกอบกับเป็นระบบการค้าแบบเก่า ไม่มีติดแอร์ การเดินซื้อสินค้าเบียดเสียด ไม่ดึงดูดใจให้คนรุ่นใหม่อยากจะไปเดินมากนัก ส่วนแพลทินัม แม้ว่าจะเป็นศูนย์ค้าส่งติดแอร์ แต่จากการแข่งขันที่รุนแรง เสื้อผ้าจากจีนเข้ามาตีตลาด จึงเป็นวิบากกรรมที่ศูนย์การค้าส่งต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด