ดันสนามบินหัวหิน

ขยายขนาดยกระดับสู่นานาชาติรับเออีซีชูจุดเด่นเส้นทางเชื่อมโยงพม่า

ทีเอชเอแนะรัฐขยายสนามบินหัวหิน สู่ระดับท่าอากาศยานนานาชาติรับนักท่องเที่ยวอาเซียนโต

นายอุดม ศรีมหาโชตะ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) และอุปนายกสมาคมทีเอชเอภาคตะวันตก เปิดเผยว่า ทีเอชเอต้องการให้รัฐบาลลงทุนขยายสนามบินหัวหินให้มีศักยภาพสามารถรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินขนาดใหญ่ พร้อมยกระดับเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การบินในภาคตะวันตก รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 แทนแผนการลงทุนสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงมูลค่ารวม 2 ล้านล้านบาท มายัง อ.หัวหิน

ทั้งนี้ มองว่าการลงทุนขยายสนามบินจะมีความคุ้มค่ากว่าการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เนื่องจากสามารถนำนักท่องเที่ยวต่างชาติบินตรงจากประเทศต้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวของไทยได้ทันที ซึ่งช่วยลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง อีกทั้งยังเป็นการกระจายนักท่องเที่ยวลงสู่เมืองท่องเที่ยวรองด้วย

นอกจากนี้ ยังอาจช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนได้เพิ่มขึ้น โดย จ.ประจวบคีรีขันธ์ สามารถเชื่อมต่อเส้นทางการท่องเที่ยวไปยังประเทศพม่าทางด้านด่านสิงขร ซึ่งปัจจุบันมีนักธุรกิจจากประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียเดินทางเข้าไปลงทุนจำนวนมาก หากสามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้ เชื่อว่าหัวหินจะได้รับความนิยมจากตลาดเอเชียเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าหัวหิน จากปัจจุบันไม่ถึง 10%

“หากรัฐลงทุนสร้างสนามบินให้สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ จะทำให้ตลาดเอเชียและอาเซียนมาเที่ยวหัวหินเพิ่มขึ้น ลดการพึ่งพาตลาดยุโรป อเมริกา ซึ่งเป็นฐานตลาดใหญ่ แต่มีความเสี่ยงในอนาคตอาจเดินทางลดลง เพราะมีหลายปัจจัยลบเข้ามากระทบ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจโลก” นายอุดม กล่าว

สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวหัวหินช่วงนอกฤดูกาล (โลว์ซีซั่น) นี้ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพักเฉลี่ย 30-40% หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ผู้ประกอบการโรงแรมได้แข่งขันลดราคาอย่างหนักกว่า 50% เพื่อดึงลูกค้า เช่น โรงแรมเชนอินเตอร์ระดับ 5 ดาว ได้ลดราคาค่าห้องช่วงโลว์ซีซั่นเหลือ 2,000-2,500 บาท/คืน เทียบกับราคาปกติ 5,500-6,000 บาท/คืน เป็นต้น

นายอุดม กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยยังไม่มีความตื่นตัวด้านการลงทุนในกลุ่มอาเซียนมากนัก เมื่อเทียบกับนักลงทุนเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย เนื่องจากไม่ได้รับข้อมูลการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ซึ่งในอนาคตอาจทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบด้านการทำตลาด