ขู่จอดำเคเบิ้ล-ดาวเทียมเถื่อน
กสท.พร้อมฟันช่องเคเบิ้ล ทีวีดาวเทียมเถื่อน ลั่นต้องจอดำ 1 ก.ค.นี้ หากไม่มีใบอนุญาต
กสท.พร้อมฟันช่องเคเบิ้ล ทีวีดาวเทียมเถื่อน ลั่นต้องจอดำ 1 ก.ค.นี้ หากไม่มีใบอนุญาต
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่ สำหรับช่องรายการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตจาก กสท. จำนวน 233 ช่อง หากยังไม่เข้ามายื่นขอใบอนุญาตจาก กสท.ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ จะไม่ได้รับการออกอากาศ และต้องจอดำในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ขณะเดียวกัน กสท.จะไม่ขยายเวลาขอใบอนุญาตออกไปอีก เพราะก่อนหน้านี้ได้ขยายไปแล้ว 30 วัน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้ จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ค. ตามคำขอของสำนักงาน กสทช. เนื่องจากยังมีช่องรายการเหลืออีก 233 ช่อง ที่ไม่พร้อมเรื่องเอกสาร ซึ่งหากเร่งเข้ามายื่นเอกสาร กสท.ก็จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกำหนดอย่างแน่นอน โดยสำหรับ 233 ช่องที่ยังไม่สามารถออกอากาศได้ เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติ อาทิ ช่องของลีน่า จัง เป็นต้น
ทั้งนี้ กสท.ได้สั่งให้ผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี เตรียมระงับการออกอากาศแล้ว เพราะถือเป็นช่องรายการเถื่อน โดยเจ้าของช่องรายการมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 66 มีโทษทางอาญา จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท และหากผู้ประกอบการโครงข่ายนำช่องรายการที่ไม่ได้ใบอนุญาตไปออกอากาศก็มีความผิดเช่นกัน ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มาตรา 50
เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา กสท.ให้ใบอนุญาตช่องรายการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีอีก 45 ช่อง รวมแล้วขณะนี้ได้รับใบอนุญาตจาก กสท.แล้ว 506 ช่อง เพื่อออกอากาศได้ถูกต้อง ในขณะนี้มีช่องรายการที่ หลังจากนี้จะส่งรายชื่อช่องรายการที่ได้รับใบอนุญาตไปยังผู้ประกอบการโครงข่ายว่าเป็นช่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถออกอากาศช่องรายการที่ได้รับใบอนุญาตได้ ซึ่งได้ส่งรายชื่อให้ผู้ประกอบการโครงข่ายตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. ได้เรียกผู้ประกอบการโครงข่าย ผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี มาหารือเรื่องดังกล่าวเพื่อทำความเข้าใจแล้ว ส่วนอีก 233 ช่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาการให้ไลเซนส์ เนื่องจากส่งเอกสารไม่ครบและยังไม่ส่งเอกสารเพิ่มเติม บางรายขอมากผิดปกติ เช่น 10 ช่อง เป็นต้น
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธาน กสท. เปิดเผยว่า ซึ่งหลังจากวันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป หากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศเผยแพร่ 233 ช่องรายการที่ยังไม่ได้ไลเซนส์ จะถือว่าฝ่าฝืนและได้รับบทลงโทษตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551
ทั้งนี้ บอร์ด กสท.ได้ขยายเวลาการพิจารณาไลเซนส์ในส่วน 233 ช่องจากสิ้นเดือน พ.ค.เป็นสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ หากรายใดปฏิบัติตามกฎหมายและส่งเอกสารตาม กสท.ก็อาจมีการให้ไลเซนส์เพิ่มเติม โดยปัจจุบันมีผู้ขอไลเซนส์ช่องรายการในกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ทั้งหมด 739 ราย ขณะที่ผู้ให้บริการโครงข่าย (มัลติเพล็กเซอร์ หรือ Mux) แบ่งเป็น ระดับชาติ 10 ราย และระดับท้องถิ่นอีกประมาณ 400 ราย
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติไลเซนส์ทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงเพิ่มอีก 67 สถานี ประกอบด้วย ประเภทบริการธุรกิจ 36 สถานี บริการสาธารณะ 18 สถานี และบริการชุมชน 13 สถานี รวมทั้งหมด 1,879 สถานี
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมบอร์ด กสท. วันที่ 3 มิ.ย. ไม่มีวาระการพิจารณาเกี่ยวกับทีวีดิจิตอล รวมทั้งไม่มีการหารือในบอร์ดเกี่ยวกับคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ ที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เสนอให้ปรับปรุงแผนแม่บท เพื่อนำมาใช้ในกิจการโทรคมนาคม แต่เบื้องต้น กสท.ยึดตามแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ที่กำหนดให้ 700 เมกะเฮิรตซ์ ใช้ในกิจการโทรทัศน์ และได้ลงนามประสานงานการใช้คลื่นความถี่กับมาเลเซียเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้


