Open InterestVolume จับแนวเล่นสั้น หรือป้องกันความเสี่ยง
คอลัมน์นัดพบฯ ครั้งนี้ ขอนำข้อมูลที่ปริมาณการซื้อขาย (Volume) และสถานะคงค้าง หรือ Open Interest (OI)
คอลัมน์นัดพบฯ ครั้งนี้ ขอนำข้อมูลที่ปริมาณการซื้อขาย (Volume) และสถานะคงค้าง หรือ Open Interest (OI) ที่สามารถสะท้อนแนวโน้มของการซื้อขาย Futures มาเล่าเพิ่มเติมจากการใช้เพื่อจับทิศทางของตลาดที่ได้นำเสนอเมื่อครั้งที่แล้วกันนะครับ
ก่อนหน้านี้ นัดพบ TFEX ได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Volume ที่บอกถึงการจับคู่การซื้อขายว่าในแต่ละวันมีการจับคู่ราคาได้มากน้อยแค่ไหน และ OI ที่ชี้ถึง จำนวนสัญญาที่มีคงอยู่ในตลาดหรืออีกมุมหนึ่งก็บอกได้ว่ามีผู้ซื้อและผู้ขายอยู่กี่สัญญา ดังนั้น Volume กับ OI ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นหรือลดลงพร้อมกันทั้งคู่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นเกิดจากการซื้อขายเพื่อเปิด หรือปิด สัญญาของผู้ซื้อ/ผู้ขายฟิวเจอร์สในแต่ละวัน
ดังนั้นเราสามารถใช้ข้อมูล Volume กับ OI เพื่อวิเคราะห์แนวการซื้อขายของผู้ลงทุนในตลาดได้ว่า กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อขายใช้สัญญาฟิวเจอร์สในวัตถุประสงค์ใด ลองมาดูตัวอย่างในกรณีเหล่านี้กันนะครับ
ถ้า Volume เพิ่มขึ้น ย่อมสะท้อนว่ามีผู้ร่วมตลาดเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถแยกได้เป็นผู้ลงทุนที่เข้ามาซื้อขายเพื่อวัตถุประสงค์ใด ต้องพิจารณาควบคู่กับข้อมูล OI ของแต่ละวัน ซึ่งหากในช่วงดังกล่าวปริมาณ OI ปรับเพิ่มขึ้นด้วย ก็อาจจะประเมินเบื้องต้นได้ว่าผู้ที่เข้ามาซื้อขายไม่ได้ใช้แนวทาง Day Trade ซึ่งคือการซื้อขายแบบเปิดและปิดสัญญาภายในวันที่กล่าวเช่นนี้ได้ เนื่องจากสัญญาที่ซื้อขายมีการถือข้ามวัน ซึ่งอาจจะเป็นการถือระยะปานกลางหรือระยะยาวแค่ไหนนั้น ต้องพิจารณาถึงปริมาณ Volume และ OI แยกตามเดือนของสัญญาว่า หากส่วนใหญ่เป็นเดือนใกล้ (สัญญาเดือนที่ครบกำหนดอายุใกล้สุด) ก็เป็นการถือว่าระยะเวลาลงทุนไม่ยาวมาก แต่หากปริมาณ OI ที่เพิ่ม เป็นสถานะของสัญญาเดือนไกลถัดไปๆ ก็สะท้อนระยะเวลาที่ยาวขึ้น
แต่หาก OI ปรับลดลงภายใต้การซื้อขายที่มี Volume สูง ก็จะสะท้อนได้ชัดเจนว่า ผู้ที่เข้ามาซื้อขายส่วนใหญ่ทำการจับคู่แบบเปิดและปิดสัญญาในระยะเวลาใกล้เคียงกับหรือที่เรียกว่าเข้าสั้นๆ ซึ่งสะท้อนอีกมุมได้กว่ามีแรงซื้อขายเก็งกำไรเข้ามาในตลาดเป็นส่วนใหญ่ เพราะช่วงการลงทุนค่อนข้างสั้น ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็น Day Trade และไม่ต้องการถือสถานะข้ามวัน
สำหรับสินค้าที่มี Volume ลดลง เบื้องต้นชี้ได้ว่าปริมาณการจับคู่การซื้อขายลดลง แต่มิได้หมายความว่าผู้ร่วมตลาดน้อยแต่อย่างใด ต้องพิจารณาควบคู่กับปริมาณ OI ของสัญญา โดยหาก OI มีปริมาณเพิ่มขึ้น ย่อมสะท้อนว่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันผู้ซื้อผู้ขายมีวัตถุประสงค์ที่จะถือสถานะในสินค้าดังกล่าวนั้นข้ามวัน โดยส่วนของ Volume ที่ลดลงเป็นส่วนของ Day Trade ที่หายไป
ตัวอย่างสินค้าของ TFEX ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกรณีนี้ ได้แก่ USD Futures ที่ปริมาณการซื้อขายต่อวันในปีนี้ตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 1,120 สัญญาต่อวัน ลดลงจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันในปีที่แล้วที่อยู่ที่ 2,750 สัญญาต่อวัน แต่กลับพบว่าปริมาณ OI ของปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 11% โดยหากพิจารณาสัดส่วนของ OI ของ USD Futures ที่ในแต่ละช่วงจะมี 4 สัญญา (ซึ่งประกอบด้วยสัญญารายเดือน 3 เดือนติดต่อกัน และสัญญาที่ครบอายุเดือนสุดท้ายของไตรมาสถัดไป) สัญญาที่ครบอายุในเดือนไตรมาสมี OI สูงกว่าสัญญาเดือนอื่นๆ เช่น จากข้อมูลวันที่ 22 พ.ค. 2556 พบว่า สัญญา USD Futures เดือนมิ.ย. (USDM13) มีจำนวน OI สูงสุด ที่ระดับ 9,199 สัญญา
ส่วนสัญญาเดือน ก.ย. (USDU13) ซึ่งเป็นสัญญาเดือนไกลสุด มี OI สูงเป็นอันดับที่สอง คือ 3107 สัญญา ซึ่งทั้งสองสัญญาจะครบกำหนดอายุในเดือนสุดท้ายของไตรมาส และมี OI รวมกันกว่า 92% ของปริมาณ OI ของ USD Futures ทั้งตลาด ซึ่งชี้ได้ว่าผู้ที่เข้ามาซื้อขาย USD Futures ส่วนใหญ่ไม่ใช่ Day Trade และถือสัญญาเดือนที่สะท้อนพฤติกรรมของการป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินในช่วงเดือนสิ้นไตรมาส
จากข้อมูลข้างต้นสอดรับกับข่าวที่ตลาด TFEX แจ้งว่ามีการใช้ USD Futures ในการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินในช่วงนี้มากขึ้น ซึ่ง TFEX อยู่ระหว่างการหารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน เช่น ผู้ส่งออก/ผู้นำเข้า สามารถใช้ USD Futures เป็นทางเลือกในการจัดการความเสี่ยงได้มากขึ้น โดยคอลัมน์ นัดพบฯ จะนำเสนอข้อมูลความคืบหน้าเพิ่มเติมในตอนต่อๆ ไปนะครับ


