‘ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ขอ3เดือนสรุปซื้อสินเอเซีย
“ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” เปิดใจถูกชวนซื้อสินเอเซีย ขอ 3 เดือนสรุป เผยยังทำงานที่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ปกติ
“ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” เปิดใจถูกชวนซื้อสินเอเซีย ขอ 3 เดือนสรุป เผยยังทำงานที่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ปกติ
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า ได้รับการชักชวนให้ถือหุ้น บล.สินเอเซีย จริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน ภายใน 3 เดือนนี้คาดรู้ผล แต่ปัจจุบันยังนั่งบริหารงานอยู่ที่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ตามปกติ
“ผมยังทำงานตามปกติ แต่ก็ไม่ปิดโอกาสตัวเอง มาถึงจุดสูงสุดนี้ก็ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทหนึ่งๆ ภายใน 3 เดือนนี้น่าจะได้ข้อสรุปจากกลุ่มผู้ลงทุน และไม่ว่าผมจะอยู่หรือไป หรือใครก็ตาม จะไม่กระทบกับ บล.คันทรี่ ที่มีการบริหารจัดการ วางระบบไว้อย่างดีแล้ว” ผู้บริหาร กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า มีการพูดคุยกับนายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ CGS แล้วเข้าใจกันดี ส่วนตัวมีความเคารพรักนายสดาวุธ ที่ให้การดูแลอย่างดี จึงไม่คิดทำอะไรให้กระทบ CGS
ด้านนายสดาวุธ กล่าวว่า การที่นายประสิทธิ์ ไปเป็นเถ้าแก่ถือหุ้น บล.สินเอเซีย บางส่วน ถือเป็นความก้าวหน้า และยินดีด้วย ไม่มีอะไรทำให้ขัดแย้ง หากอนาคตจะตัดสินใจลาออก อาจมีผลกระทบต่อ CGS บ้าง แต่ไม่มาก เนื่องจากช่วง 45 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างรากฐานลูกค้าเดิมประมาณ 6 หมื่นราย ไว้ตามสาขาต่างๆ จำนวน 50 สาขา มีการเตรียมทีมงานตลอดจนระบบงานรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา การย้ายงานจากโบรกเกอร์หนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง ถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจหลักทรัพย์
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) ที่เป็นส่วนของทีมงานนายประสิทธิ์ ยังทำงานอยู่ CGS ถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากยังติดสัญญาอยู่ ซึ่งสัญญาครบอายุสิ้นปี 2556 การโยกย้ายน่าจะเริ่มต้นปี 2557 เป็นต้นไป
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) กล่าวว่า มีผู้สนใจสอบถามซื้อ บล.สินเอเซีย อยู่หลายกลุ่ม ปัจจุบันยังไม่ได้ตกลงกับกลุ่มใด
สำหรับ บล.สินเอเซีย เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เบอร์ 15 มี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นเจ้าของ ปัจจุบัน บล.สินเอเซีย มีสำนักงานแห่งเดียวที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยร่วมมือกับ บีเอ็นพี พาร์ริบาร์ ส่งคำสั่งซื้อขาย มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ไม่ถึง 1%


