posttoday

ชี้โอกาสเกษตรฮับเทคโนโลยีกลุ่มพืช-สัตว์

26 มีนาคม 2556

ชี้โอกาสภาคเกษตรไทยรับเออีซี ยกระดับประเทศสู่ศูนย์กลางถ่ายทอดเทคโนฯ พืชสัตว์เครื่องจักร

ชี้โอกาสภาคเกษตรไทยรับเออีซี ยกระดับประเทศสู่ศูนย์กลางถ่ายทอดเทคโนฯ พืชสัตว์เครื่องจักร

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายในงานสัมมนา “ก้าวไกล ก้าวไป ขับเคลื่อนเกษตรไทยสู่อาเซียน” ว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เป็นโอกาสที่จะให้ภาคเกษตรไทยปรับตัวกลายเป็นฐานการถ่ายทอดเทคโนโลยีพันธุ์พืชสัตว์ และเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อยกระดับภาคเกษตรของไทย

ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมภาคการเกษตรของไทยยังมีความได้เปรียบในเรื่องของการเข้าไปใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบ โดยเฉพาะในเรื่องของการปลูกและผลิตอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ประเทศเพื่อนบ้านมีศักยภาพ แต่ยังไม่พร้อมที่จะลงทุนในระดับอุตสาหกรรมเหมือนประเทศไทย

อย่างไรก็ดี ทุกภาคส่วนควรจะวางแผนร่วมกันว่าจะทำอย่างไร เพื่อรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเกษตรในภูมิภาคนี้เอาไว้ให้ได้ เพราะหากปล่อยไว้อีก 10 ปีข้างหน้า เมื่อผลผลิตและเทคโนโลยีการเกษตรของประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นใกล้เคียงกับไทยแล้ว ถึงเวลานั้นภาคการเกษตรของไทยอาจโดนแซงหน้าได้

ทั้งนี้ เพื่อให้ภาคเกษตรของไทยใช้ประโยชน์ของตลาดที่กว้างขึ้นจากการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงต้องดึงให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบเกษตรกรอัจฉริยะ (สมาร์ตฟาร์มเมอร์) ให้ได้โดยการปรับความคิดของเกษตรกรว่า เกษตรกรยุคใหม่ต้องมีความรู้วิชาการในสิ่งที่ทำอยู่ ต้องรู้จักใช้ข้อมูลให้รู้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและนโยบายรัฐ สินค้าเกษตรต้องมีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

“การเชื่อมโยงตลาดระหว่างกันในภูมิภาคอาเซียนทำให้เราสามารถแบ่งกลุ่มสินค้า แบ่งกลุ่มตลาดกันได้ ช่วยให้ลดการแย่งตลาดกันเอง ซึ่งขณะนี้สินค้าเกษตรกลุ่มพืชไร่ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลังและข้าว ประเทศไทยยังเป็นผู้นำอยู่ แต่ต่อไปการผลิตจะต้องทำเจาะเป็นตลาดเฉพาะมากขึ้น” นายยุคล กล่าว

ขณะที่สินค้าเกษตรไทยที่เป็นห่วงมากที่สุดคือ ยางพารา เนื่องจากปัจจุบันมี 3 ประเทศที่ผลิต คือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้ผลผลิตยางพาราที่ได้ก็ออกมาเกินความต้องการตลาดอยู่แล้ว และมีแนวโน้มที่จีนและเวียดนามจะผลิตยางพาราเพิ่มอีก ซึ่งหากเศรษฐกิจจีนไม่ขยายตัวตามที่คาดอาจเกิดผลกระทบได้

ด้านนายสุริยัน วิจิตรเลขการ ผู้จัดการสำนักงานความร่วมมือทางการเกษตรกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง กล่าวว่า ขณะนี้หลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้เริ่มเตรียมพร้อมรับเออีซีแล้ว ดังนั้นอยากเสนอให้ไทยจัดตั้งคณะทำงานติดตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การค้าประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการลงทุน จัดทำแผนรองรับสินค้าหลักและพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มศักยภาพหน่วยงานที่ให้บริการรับรองคุณภาพสินค้าและการค้าผ่านชายแดน รวมทั้งสนับสนุนผู้ผลิตผู้ประกอบการขนาดเล็กให้รวมกลุ่มกันพัฒนาศักยภาพเพื่อเข้าถึงตลาดมากขึ้น

ข่าวล่าสุด

ยุบสภาฯ สะดุดงบ! “หวยเกษียณ” กอช.ชี้ อาจขายไม่ทันไตรมาส 1 ปี 69