ประสบการณ์ขาดทุน TFEX จาก 400,000 เหลือ 60,000
วันนี้บังเอิญได้อ่านเว็บ pantip โต๊ะสินธร ก็เลยอยากขอนำมาแชร์ เพื่อเตือนใจหลายคนที่กำลังสนุกกับการทำกำไรในหุ้น เผื่อจะได้เห็นเหรียญอีกด้านครับ
วันนี้บังเอิญได้อ่านเว็บ pantip โต๊ะสินธร ก็เลยอยากขอนำมาแชร์ เพื่อเตือนใจหลายคนที่กำลังสนุกกับการทำกำไรในหุ้น เผื่อจะได้เห็นเหรียญอีกด้านครับ
สิ่งที่ทุกคนเห็นคือความจริง ด้านหนึ่งมีคนได้กำไร แต่อีกด้านหนึ่งก็มีคนที่ขาดทุน
ขอเริ่มเลยนะครับ ที่อยากจะ Share เห็นว่าช่วงนี้มีคนได้กำไรและกำลังสนุกกับการลงทุนในหุ้น แต่ประสบการณ์ TFEX ไม่ค่อยมีคนพูดถึง ผมจึงอยากเล่าประสบการณ์การ Trade TFEX ของผมว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดทุนได้มากขนาดนี้
1.ก่อนลงสนามเลยศึกษาทุกอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง แล้วนำเอามาเทรดเป็นลักษณะทดลองครั้งละ 1 สัญญา
2.ก่อนลงเทรดจริง ทำการเทรดบนกระดาษ ทำการบ้านมาอย่างดี แต่พอลงจริงกลับควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้
3.การเทรดบ่อยเกินไปทำให้เสียค่าคอมมิชชันมาก
4.การไม่บริหารเงินในพอร์ต
5.การเทรดสวนเทรนด์ คือ ปีที่แล้วเทรนด์เป็นขาขึ้น แต่เราใช้ภาพเล็กเทรด ทำให้พลาดการมองในภาพใหญ่
6.เมื่อเสีย แล้วอยากเอาคืน และเพิ่มสัญญาเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ผมมึนงงและโดนหนักกว่าเดิม
7.สุดท้าย คือ อะไรที่เราคิดว่าได้มาง่าย เช่น อยากรวยเร็ว ได้เงินมากๆ ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ครับ
8.การที่ใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่มากหลายตัวเกินความจำเป็น ที่ผมใช้คือ RSI, MACD, EMA (ปัจจุบันนี้ไม่ใช้แล้วครับ ดูแค่แท่งเทียน และ Volume
ท้ายที่สุด หากคุณคิดจะอยู่ในสนามนี้แล้วไม่มีรูปแบบและวิธีการเทรดที่เป็นของคุณเอง สักวันคุณก็แพ้ นั่นหมายถึง การขาดทุนอย่างผม
ผมอ่านโพสต์นี้แล้ว ก็เลยนึกถึงผลการสำรวจพฤติกรรมของนักลงทุนรายย่อยที่เน้นลงทุนระยะสั้นในตลาดหุ้นไทยช่วง ส.ค.ต.ค. 2553 ที่จัดทำโดยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า 10 พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะนำไปสู่ความผิดพลาดสำหรับนักลงทุนรายย่อย มีดังนี้ครับ
1.ไม่ศึกษาหาความรู้ก่อนการลงทุน
2.ไม่กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงแตกต่างกัน
3.ไม่วางแผนหรือแนวทางในการลงทุน
4.ไม่มีการกำหนดระดับอัตราผลขาดทุนที่ยอมรับได้จากการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์
5.ไม่มีวินัยในการลงทุน ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามแผนการลงทุนที่วางไว้
6.ใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคค่อนข้างน้อย แต่มักซื้อขายหุ้นตามข่าวลือ
7.ไม่มีการทยอยซื้อหุ้น มักจะซื้อขายหุ้นบ่อยครั้งในช่วงตลาดขาขึ้น
8.มีรูปแบบในการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น ซื้อหุ้นที่มีปริมาณซื้อขายมาก หรือซื้อหุ้นตอนหุ้นวิ่ง แต่ราคาไม่ปรับตัวขึ้นเลยขาย
9.ไม่จดบันทึกการซื้อขาย
10.ไม่ติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ช่วงนี้พวกเราหลายคนคงยังกำไรกันอยู่ตามดัชนีหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกวัน แถมหลายโบรกฯ ยังประเมินกันอีกว่าดัชนีปลายปีน่าจะขึ้นไปได้ถึง 1,700 จุด ไม่อยากฉุดความหวังพวกเรานะครับ แต่ไม่อยากให้ประมาท ยังไงก็หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กล่าวมานี้ดีกว่า
ศึกษาหาความรู้ หาข้อมูลสักนิดก่อนตัดสินใจลงทุน และที่สำคัญตอน Key Order ถามตัวเองก่อนที่จะซื้อหรือขาย ทำด้วยเหตุผล อารมณ์ หรือข่าวลือครับ


