posttoday

"กฤษณ์ ศรีชวาลา" เปิดแผนพลิกฟื้น E

27 สิงหาคม 2555

65 ปีก่อน ตระกูล “ศรีชวาลา” เจ้าของ “บริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น”

โดย...อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร

65 ปีก่อน ตระกูล “ศรีชวาลา” เจ้าของ “บริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น” เริ่มต้นทำธุรกิจผลิตและค้าขายสิ่งทอ ต่อมาได้ขยับขยายไปสู่การนำเข้าเครื่องจักรจากยุโรปมาจำหน่ายในไทยและเอเชีย ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนทำให้กลุ่ม “ศรีชวาลา” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงนักธุรกิจไทย

ปัจจุบัน “ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น” ตกอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “กฤษณ์ ศรีชวาลา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล

ภายใต้วิสัยทัศน์อันโดดเด่น “กฤษณ์” ได้นำพา “ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น” ออกจากร่มเงาธุรกิจเดิม ซึ่งใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ด้วยการยกระดับองค์กรเป็นโฮลดิง คอมพานี ก่อนเข้าไปลงทุนในทุกธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม ค้าปลีก สินค้าแฟชั่น อาหารและเครื่องดื่ม พลังงานทางเลือก และธุรกิจเพื่อสังคม

มาวันนี้ “กฤษณ์” สร้างความฮือฮาอีกครั้ง หลังประกาศเทกโอเวอร์ บริษัท เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล (E) ด้วยการนำบริษัท ฟิโก้ ฟู้ดส์ ซึ่งทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บวกด้วยหุ้นอีก 50% ของบริษัท คาซ่า ฟิโก้ และฟีน่า ปาร์ค ซึ่งทำธุรกิจพัฒนาที่พักอาศัยระดับหรูและโรงแรม 5 ดาว บนแหลมเส็ด เกาะสมุย มาแลกกับหุ้น E จำนวน 33.7% ในราคาหุ้นละ 1.75 บาท โดยหวังว่าในอนาคต E จะกลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญของการขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งธุรกิจโรงแรมชั้นประหยัดของ “ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น”

“กฤษณ์” เล่าจุดเริ่มต้นของดีลนี้ให้ฟังว่า “ฟิโก้ฯ ทำธุรกิจร่วมกับ E มา 34 ปีแล้ว โดยลงทุนร่วมกันในโครงการคาซ่า ฟิโก้และฟีน่า ปาร์ค สัดส่วนคนละ 50% ทำให้รู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ต่อมาทราบว่า E ได้เข้าไปลงทุนในโรงแรมชั้นประหยัดภายใต้บริษัท ‘เรด แพลนเน็ต’ ซึ่งน่าสนใจมาก ขณะที่ E ก็สนใจธุรกิจอาหารของฟิโก้ฯ เช่นกัน จึงคุยกันเรื่อยมา และได้ข้อสรุปว่า หากนำธุรกิจทั้งสองส่วนมารวมกันน่าจะเกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย แต่ฟิโก้ฯ มีนโยบายว่าหากจะเข้าไปลงทุนอะไรจะต้องเป็นผู้บริหารเอง เราจึงต้องเข้ามาถือหุ้นใน E จำนวน 33.7% และตัวเองได้เข้าไปนั่งเป็นประธานกรรมการของ E ด้วย”

"กฤษณ์ ศรีชวาลา" เปิดแผนพลิกฟื้น E

 

ประธานบอร์ด E คนใหม่ กล่าวว่า ภาพธุรกิจของ E จากนี้ไปจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กับธุรกิจที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งน่าจะสร้างความสมดุลด้านรายได้ให้กับบริษัทเป็นอย่างดี เพราะธุรกิจอาหารสร้างกระแสเงินสดเข้าบริษัทได้ทุกวัน ขณะที่ธุรกิจที่ไม่ใช่อาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมชั้นประหยัดยังอยู่ระหว่างการลงทุนก่อสร้าง

ดังนั้น การนำธุรกิจอาหารของฟิโก้ฯ เข้ามาอยู่ภายใต้ E จะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที และในอนาคตเมื่อโรงแรมก่อสร้างเสร็จก็จะทำให้มีรายได้เข้ามาพร้อมกันทั้งสองส่วน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอลงทุนต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

สำหรับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของ E ประกอบด้วยแฟรนไชส์ร้านพิซซารวมถึงบริการส่งถึงบ้าน ภายใต้แบรนด์ “โดมิโน่ พิซซ่า” แฟรนไชส์ร้านเครื่องดื่มชา กาแฟ ขนม และอาหาร ภายใต้แบรนด์ “คอฟฟี่บีน แอนด์ ที ลีฟ” และร้านอาหารภายใต้บริษัท ไอรอน แฟรี่ ซึ่งมีทั้งสิ้น 6 แห่ง โดยทั้ง 6 แห่ง มีชื่อแบรนด์ต่างกัน แต่เป็นแบรนด์ของบริษัททั้งหมดและมียอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 120150 ล้านบาทต่อปี

“กฤษณ์” ตั้งเป้าว่า ภายใน 5 ปี จะเปิดสาขา “โดมิโน่ พิซซ่า” 50 แห่ง โดยสาขาแรกจะเปิดให้บริการเดือน ธ.ค.นี้ ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สุขุมวิท 22 ส่วนคอฟฟี่บีน จะเปิด 75 แห่ง สาขาแรกเปิดให้บริการภายในเดือนนี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และร้านอาหารภายใต้บริษัท ไอรอน แฟรี่ 30 แห่ง ซึ่งจะใช้งบลงทุนประมาณ 67 ล้านบาทต่อสาขา โดยคาดว่าภายใน 5 ปี จะมีรายได้จากธุรกิจอาหารประมาณ 2,500 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3040% และอัตรากำไรสุทธิ 20%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารเพิ่มขึ้นอีก 23 แบรนด์ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย รองรับการเติบโตของธุรกิจอาหารในอนาคต รวมทั้งมีแผนนำแบรนด์ร้านอาหารภายใต้ไอรอน แฟรี่ ออกขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะแบรนด์ Mr.Jones และ Fenix Iron Fairies ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 200 ล้านบาท รวมทั้งมีใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ที่เตรียมแปลงเป็นหุ้นสามัญ ทำให้มั่นใจว่าจะมีเงินเพียงพอสำหรับขยายสาขาในช่วงเริ่มต้น โดยเฉพาะในปีหน้าคาดว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 3040 สาขา หลังจากนั้นจะใช้กระแสเงินสดของสาขาดังกล่าวขยายสาขาในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด

สำหรับธุรกิจที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม แบ่งออกได้เป็นหลายส่วน เช่น อสังหาริมทรัพย์ ไอซีที และการเป็นที่ปรึกษาการเงิน แต่สัดส่วนใหญ่สุดอยู่ที่การลงทุนในบริษัท “เรด แพลนเน็ต” ซึ่งเป็นผู้ได้สิทธิแฟรนไชส์บริหารโรงแรมราคาประหยัด “Tune Hotel” ของสายการบินแอร์เอเชีย โดยปัจจุบัน “เรด แพลนเน็ต” มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีหน้า เพื่อระดมเงินมาลงทุนก่อสร้างโรงแรม ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จและให้บริการแล้ว 7 แห่ง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 แห่งในปี 2556 และ 80 แห่ง ในปี 2558

“กฤษณ์” อธิบายว่า การลงทุนใน “เรด แพลนเน็ต” ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจากผู้ถือหุ้น E แต่จะใช้วิธีดึงสถาบันการเงินที่สนใจเข้ามาถือหุ้นแทน โดยที่ E อาจจะยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเล็กน้อย แต่จะไม่ส่งผลต่อมูลค่ากิจการโดยรวม เพราะหุ้นที่เสนอขายให้สถาบันการเงินจะต้องสูงกว่าราคาทุนค่อนข้างมาก เพราะบริษัทได้ลงทุนไปมากแล้ว และกิจการกำลังจะสร้างรายได้

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 23 ปี กว่าที่ “เรด แพลนเน็ต” จะสร้างผลตอบแทนแบบเป็นกอบเป็นกำให้กับ E โดยบริษัทจะเร่งสร้างโรงแรมให้ได้ 40 แห่ง ก่อนที่จะนำ “เรด แพลนเน็ต” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หรือแนสแด็กของสหรัฐ หลังจากนั้นคาดว่าบริษัทจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนได้ ผ่านการขายหุ้นไอพีโอบางส่วนและเงินปันผลจากการถือหุ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการ คาซ่า ฟิโก้ฟีน่า ปาร์ค บนเนื้อที่ 50.36 ไร่ บนแหลมเส็ด เกาะสมุย ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรู 76 ยูนิต วิลลา 3 หลัง และโรงแรมระดับ 5 ดาว 155 ห้องพัก ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเฟสแรกคาดว่าจะต้องใช้เงิน 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวผ่านการพัฒนาแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งได้ลงนามในสัญญากับเครือโรงแรมแมริออทแล้ว รอเพียงจังหวะเหมาะสมก็จะดำเนินการก่อสร้างทันที

ประธานบอร์ด E กล่าวทิ้งท้ายว่า กลุ่ม “ศรีชวาลา” ต้องการเข้ามาลงทุนใน E ระยะยาว ไม่ได้หวังเพียงกำไรระยะสั้นๆ อยากให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจและให้ความไว้วางใจผู้บริหาร นอกจากนี้หากมีโอกาสก็จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน E ให้มากขึ้น เพราะมั่นใจว่ารูปแบบธุรกิจที่วางไว้จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับทุกฝ่าย โดยจะเริ่มเห็นการพลิกฟื้นบริษัทกลับมามีกำไรได้อย่างชัดเจนภายใน 12 ปีนี้ ส่วนขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 195 ล้านบาท จะใช้กำไรจากการดำเนินงานมาล้างให้หมดโดยเร็วที่สุด

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท