posttoday

"ประวิทย์"ลาช่อง 3 เชื่อมือ ทีมงานเอาอยู่

18 สิงหาคม 2555

ปีนี้และปีที่ผ่านมา บุคคลสำคัญในวงการทีวีเมืองไทยต่างโบกมือลาตำแหน่งสูงสุด โดยเฉพาะ 2 บิ๊กของ 2 ช่องคือ สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เจ้าแม่ 7 สี และ ประวิทย์ มาลีนนท์ นายใหญ่ของวิก 3 คนหนึ่งอาจไปด้วยอุบัติเหตุ แต่อีกคนหนึ่งตั้งใจลงจากตำแหน่งเพื่อพักผ่อนร่างกาย หลังจากจุดไฟฝันกับภารกิจล้างจอช่อง 3 ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

ปีนี้และปีที่ผ่านมา บุคคลสำคัญในวงการทีวีเมืองไทยต่างโบกมือลาตำแหน่งสูงสุด โดยเฉพาะ 2 บิ๊กของ 2 ช่องคือ สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เจ้าแม่ 7 สี และ ประวิทย์ มาลีนนท์ นายใหญ่ของวิก 3 คนหนึ่งอาจไปด้วยอุบัติเหตุ แต่อีกคนหนึ่งตั้งใจลงจากตำแหน่งเพื่อพักผ่อนร่างกาย หลังจากจุดไฟฝันกับภารกิจล้างจอช่อง 3 ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

“ถ้าพี่แดงไม่ออกซะก่อนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ผมตั้งใจว่าจะออกเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันในหมู่พี่น้องของตระกูลมาลีนนท์แค่ 8 คน แม้แต่ภรรยาและลูกๆ ของผมยังไม่รู้เลย” อดีตกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าว

ปัญหาสำคัญประการเดียว คือ สุขภาพ และกลัวว่าอายุจะสั้น หลังใช้ชีวิตตรากตรำกับภารกิจในช่อง 3 ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการมา 8 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่จะรับตำแหน่งครั้งนั้น แพทย์ได้เตือนแล้วหลังจากทำบายพาสหัวใจ จะไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีก แต่ด้วยภารกิจที่มีจึงยังไม่สามารถละวางได้ ประวิทย์ จึงลุยงานต่อมาอีก 8 ปี และวันนี้ดีใจที่ได้ลงจากตำแหน่งเสียที

"ประวิทย์"ลาช่อง 3 เชื่อมือ ทีมงานเอาอยู่

 

หลังจากผ่าตัดหัวใจครั้งนั้น ประวิทย์ได้เริ่มปลุกปั้นครอบครัวข่าว หลังจากเกิดรายการเรื่องเล่าเช้านี้มาแล้ว 2 ปี จาก1 รายการ เป็น 2 รายการ จากวันละ1 ชั่วโมง ปัจจุบันเวลาของครอบครัวข่าว 3 ออกอากาศถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน แนวคิดหลักในตอนนั้น ต้องการฝึกฝนบุคลากรด้านข่าวของช่อง 3 ภายใต้การผลักดันของ สำราญ ฉัตรโท รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายข่าว

ขณะนี้ประวิทย์ค่อนข้างวางใจกับทีมงานของช่อง 3 ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งทั้งฝ่ายข่าว รายการ การตลาด และทีมงานสนับสนุนในด้านต่างๆ และเชื่อว่าทีมนี้จะสามารถสานฝันของตัวเองที่เคยบอกไว้ว่าต้องการให้ช่อง 3 เป็นเหมือนช่องดิสนีย์ของอเมริกา หรือหากไม่เป็นดิสนีย์ ก็เป็นช่องสำหรับครอบครัวแบบฮอลมาร์กก็ได้ และจากนี้ไปจะเห็นภารกิจทำความสะอาดจอช่อง 3 มากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านละคร สมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายรายการ ได้ประกาศไปแล้วว่า จะลดความรุนแรงในละครลง มีละครแนวคิดใหม่ ใสๆ มากขึ้น เช่น 4 หัวใจแห่งขุนเขา ในปีที่แล้ว และปีนี้มีละครอย่าง ธรณีนี่นี้ใครครอง เป็นต้น ขณะที่ละครช่วงเย็นได้ทีมคุณแดง สุรางค์ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นซึ่งช่วงดังกล่าวเข้าถึงคนได้สูงมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ถือเป็นโอกาสใหม่ของสถานี แต่ที่จะทำเพิ่ม คือ ครอบครัวดนตรีขึ้นมา แต่ไม่ใช่เป็นการเปิดค่ายเพลง แต่จะสร้างศิลปินของตัวเองขึ้นมา เป็นทรัพย์สินของสถานี

ขณะที่รายการข่าว ได้เพิ่มเนื้อหาที่เสริมความรู้ให้กับประชาชน ทั้งเรื่องอาเซียน เออีซี ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับแรงงาน ภาคเกษตร การสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาตนเองรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งไม่ใช่แค่นำเข้าข่าวเพียงอย่างเดียว แต่จะส่งออกข่าวไปด้วย ข่าวที่มีประโยชน์กับชีวิตประจำวันจะมีมากขึ้น

ประวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่จะได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในปีหน้า คือ รายการกีฬา ซึ่งปีนี้ช่อง 3 ได้ถ่ายทอดกีฬารายการสำคัญๆ หลายรายการ ได้แก่ ยูโร 2012 โอลิมปิก และล่าสุด คือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แนวทางของเรา คือ ผูกมิตรกับผู้ได้ลิขสิทธิ์แล้วนำมาถ่ายทอดสู่ผู้ชม ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่าโอกาสที่ฟรีทีวีจะได้ลิขสิทธิ์กีฬาดีๆ มาถ่ายทอดมีน้อยมาก จากการแข่งขันกันซื้อลิขสิทธิ์ของผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ฟรีทีวี แต่ถ้ามีโอกาสที่จะซื้อลิขสิทธิ์กีฬาดีๆ ช่อง 3 ก็มีความพร้อมเช่นเดียวกัน

“เรื่องลิขสิทธิ์กีฬา ก็เหมือนกับการบังคับให้ผู้ชมต้องไปหาช่องทางการรับชมรายการเอาเอง เพราะผู้ให้สัมปทาน ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้บริการฟรีทีวีนั้นเข้าถึงคนอย่างทั่วถึง แต่ไม่ได้ทำ เรื่องลิขสิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน เมื่อก่อนฟรีทีวีเคยซื้อได้ ถ่ายทอดร่วมกันในนามทีวีพูล แต่วันนี้โอกาสเหลือน้อยมากแล้ว จากการแข่งขันที่สูงมาก” ประวิทย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ความเป็นห่วงที่เกิดขึ้น คงเป็นภาระหน้าที่ของผู้บริหารรุ่นต่อไปที่จะเข้ามาดูแล ซึ่งทุกภารกิจของสถานีได้ถูกมอบหมายไปยังรองกรรมการผู้จัดการแต่ละสายงานเรียบร้อยแล้ว ส่วนทายาทมาลีนนท์ที่จะก้าวขึ้นมา ณ ขณะนี้ประวิทย์ มองว่า ไม่มี เพราะผู้บริหารที่ทำอยู่นั้น ทำได้ดีอยู่แล้ว และแต่ละคนก็ไม่ต้องการที่จะขึ้นมาเป็นผู้บริหาร

ขณะที่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ซึ่งขณะนี้ ประสาร มาลีนนท์ ได้รับหน้าที่รักษาการอยู่นั้น ประวิทย์ มองว่า มี 3 ทางเลือก คือ ให้ประสารรักษาการต่อไป หรือหาผู้บริหารจากบุคคลภายใน หรือหาผู้บริหารจากภายนอก ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการให้ประสารทำหน้าที่รักษาการต่อไปก็เพียงพอ เพราะการทำหน้าที่ทุกอย่างอยู่ที่ทีมงานเป็นหลัก และขณะนี้มีความแข็งแกร่งมาก

“ส่วนที่พูดกันว่าพี่แดง (สุรางค์) จะมารับตำแหน่งนี้ไหมนั้น เป็นเรื่องที่พูดกันขำๆ เหมือนว่าผมจะไปนั่งช่อง 7 หรือเปล่า เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเทียบไซส์กันระหว่างช่อง 7 กับช่อง 3 ช่อง 7 ใหญ่กว่ามาก เขาเป็นเบอร์ 1 มาตลอดพี่แดงจะมานั่งตรงนี้ได้อย่างไร เป็นการลดเกรดพี่แดงเขา แต่ไม่มีหรอกเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้” ประวิทย์ กล่าว

ส่วนเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับช่อง 3 ประวิทย์ยิ่งไม่ห่วง ด้วยทีมงานที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ในอเมริกาแม้ทีวีจะมีเป็นพันช่อง แต่ช่องหลักที่คนดูส่วนใหญ่ยังเป็นฟรีทีวี ช่องพื้นฐานนั้นเอง ส่วนเรื่องการขยายช่องใหม่ๆ ทั้งทีวีดาวเทียม ทีวีดิจิตอล เป็นเรื่องอนาคตที่ยังมีเวลาพิจารณา เพราะสัมปทานของช่อง 3 ยังเหลืออีก 8 ปี ไว้ใกล้ๆ ค่อยมาคิดกัน

“อย่างที่พูดตั้งแต่ต้นในสมรภูมินี้ การเริ่มก่อนไม่ได้แปลว่าชนะ ผู้เริ่มก่อน มีต้นทุน ต้องลงแรงหนัก แต่ผู้ที่พร้อมกว่าจะมีโอกาส ก็ในเมื่อเราไม่กลัวการแข่งขัน ก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น อยู่ที่ตัวเองว่าจะพัฒนาอย่างไร นั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่า” ประวิทย์ กล่าว

นี่คือข้อคิดทิ้งท้ายของ ประวิทย์มาลีนนท์ ที่ให้ไว้แก่ช่อง 3 และวงการทีวีเมืองไทย เพราะจากนี้ไปเขาจะไม่กลับมารับตำแหน่งผู้บริหารอีกแล้ว

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท