การตั้งด่านกับอาสาสมัคร
ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับการตั้งด่านของตำรวจและมีอาสาสมัครหรือตำรวจบ้านเข้ามาร่วมช่วยเหลือเจ้าพนักงาน โดยการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่บางครั้งก็มีการกระทำที่เกินเลยอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด อันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนว่า เป็นการกระทำที่เกินสมควรไปหรือเปล่า เช่น การถีบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำเพื่อสะดวกในการจับกุม เป็นต้น
ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับการตั้งด่านของตำรวจและมีอาสาสมัครหรือตำรวจบ้านเข้ามาร่วมช่วยเหลือเจ้าพนักงาน โดยการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่บางครั้งก็มีการกระทำที่เกินเลยอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด อันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนว่า เป็นการกระทำที่เกินสมควรไปหรือเปล่า เช่น การถีบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำเพื่อสะดวกในการจับกุม เป็นต้น
ซึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ท่านมีนโยบายจะเลิกด่านตำรวจที่แอบตั้งขึ้นมาไม่เป็นทางการ และอยากให้มีการว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดกฎจราจรก่อน แทนที่จะปรับทันที เพราะสงสารคนขับรถยนต์หรือคนขี่มอเตอร์ไซค์ จนๆ ที่หาเช้ากินค่ำ รายได้วันละไม่กี่ร้อยบาท แต่ต้องมาเสียค่าปรับแพงๆ เป็นพัน ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับนโยบายของท่านครับ
แต่ในระยะที่ผ่านมาทนายคลายทุกข์ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการตั้งด่านของตำรวจ และสรุปเป็นประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.ตำรวจให้อาสาสมัครตั้งด่านบริเวณทางเข้าหมู่บ้านจัดสรร และมอบหมายให้ตำรวจบ้าน หรืออาสาสมัครทำการตรวจค้น จับกุม ยึดสิ่งของ
2.การตั้งด่านบริเวณร้านอาหารหรือผับ โดยเน้นการตรวจแอลกอฮอล์ และมีอาสาสมัครเข้ามาเกี่ยวข้องเข้าร่วมในการตรวจค้น
3.การตั้งด่านตามซอยที่ไม่มีแสงสว่าง เปลี่ยว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ไม่มีตำรวจชั้นสัญญาบัตรดูแล
4.การซุ่มอยู่ในบริเวณข้างทาง ทางลงสะพาน ทางโค้ง ใกล้สัญญาณไฟจราจร และส่งสัญญาณให้จอด หรือขับรถเบียดเพื่อบังคับให้หยุด
5.ตั้งด่านบนเส้นทางวันเวย์เพื่อป้องกันการขับรถย้อนศร
6.การตั้งด่านเพื่อตรวจสารเสพติดหรือยาเสพติด
7.การยืนอยู่ริมถนนและเรียกให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์จอด
8.การมอบหมายให้ตำรวจบ้าน หรืออาสาสมัครมาร่วมในการยึดของกลางและมีของกลางหาย
9.การปล่อยให้อาสาสมัครพกพาอาวุธอย่างเปิดเผย
10.การนำอาสาสมัครที่เคยก่ออาชญากรรมหรือพวกที่ติดยาเสพติดเข้าร่วมเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน และไม่มีการนำมาขึ้นทะเบียนและทำประวัติไว้ที่สถานีตำรวจ
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สมควร ก็ใช้เป็นข้ออ้างว่า ผู้กระทำความผิดไม่ใช่อาสาสมัครและไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนอย่างคลิปวิดีโอ ว่ารู้เห็นมาตั้งแต่เริ่มต้นให้บุคคลดังกล่าวมายืนอยู่ในกลุ่มของตำรวจ และถีบรถจักรยานยนต์ต่อหน้าตำรวจ
สุดท้ายนี้ ทนายคลายทุกข์อยากจะฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านว่า ควรจะคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.ความโปร่งใสและตรวจสอบได้
2.ควรมีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรดูแลอยู่ที่ด่านตลอดเวลา ไม่ใช่ปล่อยให้ตำรวจชั้นประทวน หรืออาสาสมัครเป็นเจ้าของด่านและทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจแทนตำรวจ เพราะเจ้าพนักงานเท่านั้นที่มีอำนาจตามกฎหมาย ในการสืบ จับ ควบคุมตัว แจ้งข้อหา ส่วนอาสาสมัครหรือตำรวจบ้าน กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจให้กระทำการดังกล่าว เพราะมิฉะนั้นคนที่สอบตำรวจไม่ได้ หรืออยากเป็นตำรวจ ก็ง่ายนิดเดียว คือการเข้าไปเป็นอาสาสมัครหรือสมัครเป็นตำรวจบ้าน เพื่อเข้าร่วมจับกุมหรือตรวจค้นใครก็ได้ โดยอ้างว่าเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน การจับกุมหรือตรวจค้นต้องมีเหตุอันสมควรอย่างแท้จริง ไม่ใช่ตรวจค้นตามอำเภอใจ หรือสนองอำนาจของตนเอง มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน หรือที่บางคนเรียกว่า “การแสดงอำนาจบาตรใหญ่” ของตำรวจบ้านหรืออาสาสมัคร
3.ไม่ควรที่จะให้อาสาสมัคร หรือตำรวจบ้านพกพาอาวุธปืนหรืออาวุธอย่างอื่น เช่น พกพามีดดาบ สปาร์ตา ไม้ กระบอง เป็นต้น หากปล่อยให้ดำเนินการดังกล่าว ประชาชนอาจมองว่าการตั้งด่านเป็นด่านโจร ไม่ใช่ด่านตำรวจ
4.ไม่ควรปล่อยให้มีการรีดไถ หรือหาประโยชน์ในการตั้งด่าน
5.ถ้าจะให้ประชาชนเชื่อถือ ควรจะมีกล้องวงจรปิดถ่ายการปฏิบัติหน้าที่ 24 ชั่วโมง เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้
6.พฤติการณ์ในการจับกุมไม่ควรใช้ความรุนแรงเกินความจำเป็น เป็นการทำร้ายร่างกายประชาชน การถีบตกรถจักรยานยนต์ การใช้คำพูดที่หยาบคาย เป็นต้น


