posttoday

น้ำตาลครบุรีรุกโรงไฟฟ้า

01 สิงหาคม 2555

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต ได้นำบริษัท น้ำตาลครบุรี (KBS) ผู้ผลิตน้ำตาลแบบครบวงจรรายใหญ่อันดับ 9 ของประเทศ ไปพบผู้ลงทุนที่สิงคโปร์ การไปครั้งนี้มีกองทุนชั้นนำให้ความสนใจกว่า 10 ราย โดยผู้บริหาร KBS ที่ร่วมให้ข้อมูลนักลงทุนครั้งนี้คือ “อิสสระ ถวิลเติมทรัพย์” กรรมการบริหาร, “รัฐวุฒิ แซ่ตั้ง” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด, “ธาญทิฐ เกษมทรัพย์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และ “เขมนันทา กาญจนเมฆานนท์” ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด เนื่องจากสภาพอากาศแต่ละที่ทั่วโลกที่แตกต่างกัน นักลงทุนจึงเน้นในเรื่องของสถานการณ์และแนวโน้มน้ำตาลทั่วโลก แนวโน้มอุตสาหกรรมน้ำตาลไทย รูปแบบธุรกิจและวิสัยทัศน์ของ KBS แนวโน้มกำไรของบริษัท และโครงการในอนาคตมีน้ำตาลส่วนเกินในตลาดน้อยลง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต ได้นำบริษัท น้ำตาลครบุรี (KBS) ผู้ผลิตน้ำตาลแบบครบวงจรรายใหญ่อันดับ 9 ของประเทศ ไปพบผู้ลงทุนที่สิงคโปร์ การไปครั้งนี้มีกองทุนชั้นนำให้ความสนใจกว่า 10 ราย โดยผู้บริหาร KBS ที่ร่วมให้ข้อมูลนักลงทุนครั้งนี้คือ “อิสสระ ถวิลเติมทรัพย์” กรรมการบริหาร, “รัฐวุฒิ แซ่ตั้ง” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด, “ธาญทิฐ เกษมทรัพย์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และ “เขมนันทา กาญจนเมฆานนท์” ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด เนื่องจากสภาพอากาศแต่ละที่ทั่วโลกที่แตกต่างกัน นักลงทุนจึงเน้นในเรื่องของสถานการณ์และแนวโน้มน้ำตาลทั่วโลก แนวโน้มอุตสาหกรรมน้ำตาลไทย รูปแบบธุรกิจและวิสัยทัศน์ของ KBS แนวโน้มกำไรของบริษัท และโครงการในอนาคตมีน้ำตาลส่วนเกินในตลาดน้อยลง

KBS คาดว่า ทั่วโลกจะมีน้ำตาลส่วนเกิน 4.8 ล้านตัน ในปี 2555/2556 เทียบกับ 9.3 ล้านตัน ในปี 2554/2555 เนื่องจากการผลิตที่ลดลงของบราซิล สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของสต๊อกน้ำตาลทั่วโลก เนื่องจากปริมาณน้ำตาลส่วนเกินที่ต่ำลง

ผู้บริหารจึงคาดว่า ราคาน้ำตาลทรายดิบน่าจะยืนอยู่ที่ระดับ 23 เซ็นต์ต่อปอนด์ เทียบกับ 22.5 เซ็นต์ต่อปอนด์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัจจัยลบต่อการผลิตน้ำตาลทั่วโลก (ทำให้เกิดการปรับขึ้นต่อราคา) มากกว่าที่จะเกิดปัจจัยที่กดดันให้ราคาลดลงไปอีก เนื่องจากประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เป็นผู้นำเข้าน้ำตาลสุทธิ ดังนั้นการผลิตน้ำตาลไทยที่เพิ่มขึ้น 2% ในปี 2555/2556 จึงน่าจะสามารถส่งออกได้ไม่ยาก รวมถึงการขยายตัวไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ให้อัตรากำไรสูง

KBS กำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงกากอ้อยกำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ ซึ่งผู้บริหารเชื่อมั่นอย่างมากว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จ เนื่องจาก

ประการแรก ใช้กากอ้อยที่เหลือจากการหีบอ้อย โครงการนี้จึงให้อัตรากำไรสูง

ประการที่สอง ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

ประการที่สาม ความต้องการที่แข็งแกร่งจากโรงงานใหม่ที่ตั้งอยู่บริเวณโรงไฟฟ้า ขณะที่โรงไฟฟ้าขนาด 20 เมกะวัตต์ที่มีอยู่ บริษัทได้ขายไฟฟ้า 5 เมกะวัตต์ ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และที่เหลือใช้ภายในบริษัท

KBS มีแผนที่จะขายไฟฟ้า 22 เมกะวัตต์จากโรงไฟฟ้าใหม่ในเดือน ก.พ. 2557 และรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 103 ล้านบาท ในปี 2554 มาอยู่ที่ 350450 ล้านบาท ในปี 2557 (บล.ธนชาต คาดไว้ที่ 380 ล้านบาท)

ปัจจัยผลักดันกำไรและการปรับขึ้นของกำไรปี 2555 น่าจะถูกผลักดันโดยราคาขายที่เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2554 ขณะที่ปัจจัยผลักดันปี 2556 น่าจะเป็นการกลับมาผลิตอย่างเต็มปี เนื่องจากน้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อการส่งมอบเครื่องจักรต่อเนื่องมายังช่วง ไตรมาสแรกปี 2555

สำหรับเป้าการเติบโตที่ 15% ในปี 2557 ยังคงมีปัจจัยหลักผลักดันมาจากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ KBS ได้ทำการพัฒนารถตัดอ้อยเป็นเวลาหลายปี และกำลังมองหาพันธมิตรทางการค้าเพื่อร่วมลงทุนและจำหน่ายรถนี้ ซึ่งประเด็นนี้น่าจะเป็นโอกาสปรับขึ้นต่อกำไรของบริษัทในปี 2556-2557

ปัจจุบัน มีความกังวลว่ากำไรปี 2556 จะลดลง เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายดิบในปัจจุบันต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แต่ KBS ส่งออกน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ซึ่งมีราคาสูงกว่า (5% พรีเมียม) และราคาผันผวนน้อยกว่าน้ำตาลทรายดิบ KBS มีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในประเทศให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และค้าปลีกทันสมัย ด้วยให้อัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจที่ 78% ในปี 2555-2557

“เราจึงยังคงแนะนำ ‘ซื้อ’ ราคาเป้าหมาย 14 บาทต่อหุ้น”

คำถามและคำตอบในการนำเสนอข้อมูลมีดังนี้

สถานการณ์น้ำตาลโลกเป็นอย่างไร

คาดว่าจะมีน้ำตาลส่วนเกินต่ำลงจาก 9.27 ล้านเมตริกตันในปี 2554/2555 มาอยู่ที่ 4.84 ล้านเมตริกตันในปี 2555/2556 เนื่องจากการผลิตจากบราซิล รัสเซีย และออสเตรเลียที่ลดลง อันเนื่องมาจากมีฝนตกนานขึ้น ซึ่งส่งผลให้การปลูกอ้อยล่าช้าออกไป ขณะที่การบริโภคน้ำตาลทั่วโลกเติบโตโดยเฉลี่ย 2% ต่อปี

สถานการณ์อุตสาหกรรมน้ำตาลของประเทศไทยเป็นอย่างไร

ปริมาณการหีบอ้อยรวมของประเทศไทยคาดว่าจะแตะระดับ 99 ล้านเมตริกตันในปี

2555/2556 จาก 98 ล้านเมตริกตันในปี 2554/2555 เนื่องจากมีการเพาะปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น

KBS มองแนวโน้มราคาน้ำตาลอย่างไร

เนื่องจากปริมาณน้ำตาลส่วนเกินที่ต่ำลง ราคาจึงน่าจะทรงตัวอย่างน้อยอยู่ที่ระดับ 23 เซ็นต์ต่อปอนด์ ขณะที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าที่ราคาน้ำตาลทรายดิบจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 20 เซ็นต์ต่อปอนด์ จากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยมีปัจจัยที่อาจผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 2526 เซ็นต์ต่อปอนด์ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของโลกเป็นสำคัญ

ภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยมีความรุนแรงแค่ไหน

ยอดขายน้ำตาลของผู้ผลิตน้ำตาลไทยอิงกับโควตาที่กำหนดโดยบริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย (อนท.) ประกอบด้วย ตัวแทนภาครัฐ โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร โดยโควตามีทั้งหมด 3 โควตา – โควตา ก. สำหรับการขายในประเทศ โควตา ข. และ ค. สำหรับส่งออก ปริมาณโควตาจะถูกกำหนดโดยส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละโรงงานน้ำตาล

สำหรับราคาน้ำตาลทรายในประเทศ ราคาน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวถูกกำหนดโดย อนท. ที่ 19 บาทต่อกิโลกรัม และ 20 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาน้ำตาลทรายดิบส่งออกสำหรับโควตา ข . และ ค. อนท.เป็นผู้กำหนดราคาเบื้องต้นเช่นกัน ดังนั้นการแข่งขันในด้านของปริมาณและราคาจึงไม่รุนแรง โรงงานน้ำตาลแต่ละโรงจะมีกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน สำหรับ KBS นั้น จะเน้นน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่ให้อัตรากำไรสูง

l KBS ประสบกับภาวะการขาดแคลนอ้อยหรือไม่

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พื้นที่เพาะปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นอย่างมาก และราคาน้ำตาลยังคงอยู่ในระดับที่ดึงดูดใจชาวไร่ไม่ให้เปลี่ยนไปปลูกข้าวหรือมันสำปะหลัง นอกจากนี้ตามกฎหมาย โรงงานน้ำตาลแต่ละโรงจะต้องตั้งห่างกัน 80 กิโลเมตร ดังนั้นด้วยต้นทุนการขนส่งจึงไม่คุ้มที่ชาวไร่จะนำอ้อยออกไปขายนอกพื้นที่

ราคาอ้อยและต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อบริษัทหรือไม่

KBS ไม่ได้เป็นเจ้าของไร่อ้อย ยอดขายจะถูกจัดสรรกันระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลตามระบบ 70:30 โดยผลประโยชน์ของทั้งระบบ 70% จะถูกจัดสรรให้ชาวไร่สำหรับต้นทุนอ้อย

บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2555-2557 ของ KBS จะเป็นอย่างไร

กำไรปี 2555-2556 น่าจะถูกผลักดันโดยการขยายอัตราการหีบอ้อยเป็น 2.3 หมื่นตันต่อวัน

ในช่วงปลายปี 2554 จาก 2.1 หมื่นตันต่อวัน นอกจากนี้กำลังการผลิตสำหรับกระบวนการที่ทำให้น้ำตาลมีความบริสุทธิ์สูงยังเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ตันต่อวัน จาก 1,000 ตันต่อวันอีกด้วย

ขณะที่กำไรปี 2557 คาดว่าจะถูกผลักดันโดยโรงไฟฟ้าใหม่กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ KBS คาดว่ากำไรปี 2557 จะเติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ราคาขายของ KBS ในปี 2555/2556 อยู่ที่เท่าไร

50% ของเป้าปริมาณขายปี 2555/2556 ของ KBS ถูกกำหนดราคาตาม อนท. ที่

24.75 เซ็นต์ต่อปอนด์ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับราคาในปี 2554/2555

มีโอกาสขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศหรือไม่

KBS มองว่าการขยายตัวในประเทศไทยนั้นก็เพียงพอในขณะนี้ โดยการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ จำเป็นต้องมีแรงงานที่มีความรู้ และต้นทุนการผลิตที่ต่ำ

KBS เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างไร

เพื่อขยายตัวในประเทศไทยและต่างประเทศ แรงงานจึงกลายเป็นปัญหาที่ชัดเจน

และด้วยค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นเป็น 300 บาทต่อวัน ภาวะขาดแคลนแรงงานจึงเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด 7 ปีของการพัฒนารถตัดอ้อยของ KBS คาดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาแรงงานนี้ได้ การพัฒนารถตัดอ้อยที่ประสบความสำเร็จนี้จะสามารถตัดอ้อยได้ 120 ตันต่อวัน เทียบกับตัดอ้อย 10 คน และกำลังมองหาพันธมิตรทางการค้าเพื่อร่วมลงทุนและจำหน่ายหรือให้เช่ารถตัดอ้อยให้แก่เกษตรกร

KBS ได้พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน KBS ขายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์

เกรดพรีเมียมให้บริษัท โคคาโคลา ที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งช่วยให้ KBS เป็นที่ยอมรับจากคู่ค้าอื่นที่อยู่ในเออีซี

รายละเอียดของโครงการโรงไฟฟ้าครบุรี (KPP) เป็นอย่างไร

KPP เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลจากกากอ้อย กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ มีผลตอบแทนต่อโครงการ (IRR) ที่ 15%

งบลงทุนอยู่ที่ 1,638 ล้านบาท โดย 500 ล้านบาท จะมาจากการขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และที่เหลือจะเป็นการกู้ยืมระยะยาว

กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ คาดว่าจะขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในเดือน ก.พ. 2557

คาดว่าจะได้รายได้จากโครงการนี้ 350450 ล้านบาท บริษัทคาดว่าโครงการนี้จะให้อัตรากำไรสูง เนื่องจากเชื้อเพลิงที่ใช้คือกากอ้อยที่เหลือจากกระบวนการหีบอ้อย

ได้ประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอ

มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่กากอ้อยจะขาดแคลน

สำหรับโครงการ KPP การหีบอ้อย 2.42.5 ล้านเมตริกตันนั้นเพียงพอ เทียบกับการผลิตในปัจจุบันที่ 2.8 ล้านเมตริกตัน

KBS จะขยายธุรกิจไปยังธุรกิจเอทานอลหรือไม่

สนใจขยายธุรกิจไปยังธุรกิจเอทานอล บริษัทศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจนี้มาเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากกฎและหลักเกณฑ์ของภาครัฐมีความไม่ชัดเจน เวลานี้จึงยังไม่ใช่เวลาที่จะเข้าไปยังธุรกิจนี้

นโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทเป็นอย่างไร

KBS คงอัตราการจ่ายปันผลที่ระดับไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอังคารที่ 23 ธ.ค. 68