"อีซี่มันนี่" ปฏิวัติธุรกิจโรงรับจำนำ
สมัยก่อนการเข้าโรงรับจำนำมักสร้างความสงสัยว่า “ครกหิน” ก็นำมาจำนำได้ด้วยหรือ แต่หากเป็นสมัยนี้คงต้องเปลี่ยนความสงสัยเสียใหม่ว่า “ตุ๊กตาไบลธ์ (Blythe)”
โดย...เบญจมาศ เลิศไพบูลย์
สมัยก่อนการเข้าโรงรับจำนำมักสร้างความสงสัยว่า “ครกหิน” ก็นำมาจำนำได้ด้วยหรือ แต่หากเป็นสมัยนี้คงต้องเปลี่ยนความสงสัยเสียใหม่ว่า “ตุ๊กตาไบลธ์ (Blythe)” ก็มีคนเอามาจำนำด้วยหรือนี่
ใครจะคิดว่า “อีซี่มันนี่” โรงรับจำนำโมเดิร์นสไตล์ จะกล้าดีรับจำนำตุ๊กตาตาโตที่คนอื่นมองว่าไร้ค่า แต่สำหรับกลุ่มนักสะสมวัยรุ่นกลับเห็นว่าตุ๊กตาไบลธ์นี่แหละมีมูลค่า สามารถนำมาตึ๊งขอเงินกู้ได้ด้วย
“ตอนนี้วัยรุ่นกล้าเข้าโรงรับจำนำนะครับ พวกเขานำทรัพย์สินมาแปลงเป็นเงิน ตุ๊กตาไบลธ์ที่อื่นไม่รับจำนำ แต่ของเรารับ และยังไม่เคยหลุดจำนำ” สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน ผู้ให้บริการโรงรับจำนำอีซี่มันนี่ กล่าว พร้อมเปิดห้องเก็บทรัพย์ของลูกค้าชั้นบนให้ดู
ส่วนด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์ให้ลูกค้านำทรัพย์มาจำนำ มีห้องรับรองสำหรับลูกค้าที่นำทรัพย์มาจำนำหลายชิ้น ซึ่งหากใครเดินผ่านแวบแรกก็คงไม่นึกว่าที่นี่คือโรงตึ๊ง
ความโอ่โถง โล่ง สบายตา ออกแบบตึกด้วยกระจกใส มีพนักงานคอยดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ลูกค้าก้าวเข้ามารับจำนำ ถือเป็นการยกระดับธุรกิจโรงรับจำนำที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน การใช้ระบบคอมพิวเตอร์จัดเก็บทรัพย์สินของลูกค้า มีการออกใบเสร็จเป็นระบบ รวมทั้งการใช้ระบบสแกนนิ้วโป้งแทนปั๊มหมึกจนหัวแม่มือดำ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกเก่าของการเดินเข้าโรงรับจำนำเลือนหายไปหมด
ใครไม่เคยเข้าโรงรับจำนำ ให้นึกถึงภาพยนตร์ที่ชอบใช้ฉากคร่ำครึมืดทะมึนที่ตัวเอกต้องเดินหลบซ่อนเข้าโรงรับจำนำผ่านม่านไม้ไผ่แล้วเจอหลงจู๊จอมโหดพูดจาเหมือนกรรโชกทรัพย์ลูกค้า
นั่นคือภาพโรงรับจำนำในวันวาน ที่วันนี้อีซี่มันนี่ได้ปฏิวัติวงการจนการเข้าโรงรับจำนำไม่ใช่เรื่องหน้าอายอีกต่อไป
สิทธิวิชญ์ บอกว่า มี 3 เรื่องที่ทำให้ลูกค้าไม่กล้าเข้าโรงรับจำนำ เรื่องแรก รูปลักษณ์โรงรับจำนำอับทึบ ใช้ประตูเพียง 2 บาน ผ่านการสื่อสารจากกรงเหล็ก เรื่องที่สอง กลัวถูกหลงจู๊กดราคาทรัพย์ พูดจาไม่ให้เกียรติ และเรื่องสุดท้าย กังวลว่าทรัพย์ที่นำมารับจำนำจะได้รับการดูแลดีหรือไม่ ทองที่นำมารับจำนำจะถูกตัดข้อออกไปหรือเปล่า
เมื่อรู้ปัญหาจากการไม่กล้าเข้าโรงรับจำนำ อีซี่มันนี่จึงเกิดขึ้นโดยยึดหลักเปลี่ยนรูปโฉมหน้าบ้านโรงรับจำนำเสียใหม่ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเดินเข้าสาขาของธนาคาร มีพนักงานคอยดูแล การตีราคาทรัพย์ให้ราคาสูงสุดเท่าที่ทรัพย์จะอำนวย จัดหาผู้เชี่ยวชาญทรัพย์แต่ละด้านไม่ว่าจะเป็นทองคำ เพชร นาฬิกา และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงสิ่งของที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ได้แก่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ตุ๊กตาไบลธ์ และกระเป๋าหรูแพงระยับ “หลุยส์ วิตตอง”
แต่ก็ใช่ว่าของใหม่เท่านั้นที่เป็นของแปลกในความรู้สึกของผู้พบเห็นว่าสามารถนำมาจำนำได้ด้วยหรือ สิ่งของเก่าแก่ ของมรดกตกทอดก็ถูกนำมาเสริมสภาพคล่องให้กับเจ้าของชั่วคราวผ่านโรงรับจำนำแห่งนี้เช่นกัน
ตู้กระจกหน้าร้านจึงมีของหลุดจำนำจำพวก ขันทองเหลืองโบราณ ขันพานรอง กระทะทองเหลือง แซ็กโซโฟน และกีตาร์ แม้ของเหล่านี้จะดูไร้ค่าไปแล้ว แต่อย่างน้อยก็เคยมีคุณค่าทางใจ มีประวัติความเป็นมาก่อนจะถูกซื้อหาไปอยู่กับเจ้าของใหม่
สิทธิวิชญ์ บอกว่า หากเป็นของที่มีการเปลี่ยนมือในตลาดมือสองได้ และยังได้รับความนิยมอยู่ ก็จะรับจำนำทั้งสิ้น
“ของที่เคยนำมาจำนำแปลกที่สุด คือ เงินพดด้วง จำนำที่สาขาพระนครศรีอยุธยา แล้วเจ้าของก็มาไถ่คืนไป” สิทธิวิชญ์ กล่าว
เมื่อถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าของชิ้นไหนยังได้รับความนิยมอยู่ เจ้าของอีซี่มันนี่ บอกว่า พนักงานที่อยู่ตรงนี้มีความชำนาญเรื่องการดูของแต่ละอย่าง เรียกได้ว่าเป็นความชำนาญเฉพาะด้าน และมีการติดตามตลาดสินค้ามือสอง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เห็นการรับจำนำตุ๊กตาไบลธ์ ซึ่งพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านการดูของจะอยู่ในวงการนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ปี
ระหว่างการสนทนา ผู้เชี่ยวชาญดูของรับจำนำโรงรับจำนำอีซี่มันนี่ อายุราว 60 ปี เดินผ่านเราจึงถามว่า ในโลกของปลอมเต็มไปหมด อะไรดูยากที่สุด เขาตอบเราว่า “อะไรที่ดูไม่เป็นนั่นแหละดูยากหมด แต่ถ้าเราศึกษาอะไรให้ลึก เราจะรู้จักมันได้ไม่ยาก”
เมื่อถามต่อว่า คุณดูตุ๊กตาไบลธ์เป็นได้อย่างไร เพราะตุ๊กตาพวกนี้จะมีรุ่น เขาตอบว่า “โชคดีที่มีพนักงานอายุราว 30 ปี คนหนึ่งเล่นตุ๊กตาไบลธ์ ผมก็ต้องไปศึกษาการดูตุ๊กตาจากเขา” ในขณะที่การดูกระเป๋าหรูของแท้อย่างหลุยส์ วิตตอง ผู้เชี่ยวชาญดูของผู้นี้ก็ต้องศึกษาอย่างละเอียดมาแล้ว คำตอบเหล่านี้น่าจะการันตีความชำนาญการของพนักงานได้ในระดับหนึ่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของอีซี่มันนี่ให้ความสำคัญและบอกกับเราว่า ที่นี่เป็นโรงรับจำนำที่ใช้พื้นที่ในการเก็บของมากที่สุด รวมทั้งมีระบบรักษาความปลอดภัย และใช้ตู้นิรภัยเหมือนกับที่ใช้ในห้องมั่นคงของธนาคารพาณิชย์
เราขอความมั่นใจเรื่องการออกแบบห้องมั่นคง เจ้าของอีซี่มันนี่ ย้ำว่า ห้องมั่นคงได้รับการออกแบบจากตัวเขาและเพื่อน ซึ่งได้ร่ำเรียนวิศวกรรมโยธา ก่อนศึกษาต่อด้านการเงิน
ขณะที่ต้นทุนของธุรกิจโรงรับจำนำที่ดูเหมือนจะเป็นภาระหลัก คือ ค่าเช่าอาคารสถานที่ กรณีของอีซี่มันนี่ก็เช่นกัน สาขาแต่ละแห่งลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยมีการแบ่งพื้นที่เก็บทรัพย์มีค่า เช่น เพชร ทองคำ นาฬิกาหรูยี่ห้อโรเล็กซ์ และปาเต็ค ฟิลิป ในตู้เซฟของห้องมั่นคง
กรณีของนาฬิกาที่แพงสุดน่าจะเป็นยี่ห้อปาเต็ค ฟิลิป มูลค่า 4 แสนบาท ยังไม่นับรวมกระเป๋าทองคำที่เป็นของเก่าแก่ครบชุดกับอัญมณีสร้อย แหวน และกำไล ที่ลูกค้าใส่กล่องจำนำทั้งชุด ส่วนแหวน สร้อย อัญมณีมีค่าต่างๆ จะถูกจัดเรียงในชั้นเป็นอย่างดี โดยของแต่ละชิ้นจะถูกใส่ถุงปิดผนึก ไม่ให้ทับกัน หรือที่เรียกว่าไม่ให้เนื้ออัญมณีกินกันจนทรัพย์ลูกค้าเกิดความเสียหาย
ขณะที่อีกชั้นแบ่งเป็นโซนเก็บเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป ซึ่งของทั้งหมดจะถูกผนึกด้วยพลาสติกเหมือนกันหมด
“สินทรัพย์เป็นของลูกค้า แล้วของที่เขานำมาฝากเรา เป็นของรักของเก่ามีคุณค่า เขามาเพราะเขามั่นใจว่าเราจะดูแลของเขาได้ เราจึงได้ลูกค้าปากต่อปากที่บางคนเดินทางไกลจาก จ.สุพรรณบุรี และนครราชสีมา” สิทธิวิชญ์ ให้เหตุผลพร้อมชี้ไปที่โทรทัศน์เครื่องใหญ่เครื่องหนึ่งราคารับจำนำอยู่ที่ 1,500 บาท ได้ดอกเบี้ยเดือนละ 30 บาท พร้อมย้ำว่า รายได้ดอกเบี้ยไม่ค่อยคุ้มกับค่าที่สักเท่าไร แต่เมื่อจะทำธุรกิจนี้ก็ต้องให้คืนกลับไปยังลูกค้าบ้าง
ปัจจุบันอีซี่มันนี่คิดดอกเบี้ยรับจำนำทรัพย์ทุกอย่างเท่ากันหมด คือ 2,000 บาทแรก ดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน จากนั้น 1.25% ต่อเดือน ปีนี้ตั้งใจจะเปิดให้ครบ 21 สาขา จากที่มีอยู่ตอนนี้ 15 สาขา ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 200 คน ขณะที่มูลค่าการรับจำนำเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ล้านบาท เพิ่มต่อเนื่องจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่เดือนละ 700 ล้านบาท
ต่อให้อีซี่มันนี่ทิ้งความรู้สึกเดิมจากการเดินเข้าโรงรับจำนำ แต่ธุรกิจที่ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนกับนิ้วโป้ง 3 นาที เพื่อแลกเงิน อย่างไรก็ต้องเป็นที่พึ่งยามยากอยู่คู่ชุมชนอยู่ดี


