เจเล่เล็งตั้งโรงงานในพม่า
เจเล่ บิวตี้ เร่งศึกษาตั้งโรงงานใหม่ในพม่า รับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รับกำลังซื้อพุ่ง
เจเล่ บิวตี้ เร่งศึกษาตั้งโรงงานใหม่ในพม่า รับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รับกำลังซื้อพุ่ง
นายสุรชัย จงเลิศวราวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง ผู้ผลิตและทำตลาดเจลลีพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ เจเล่ บิวตี้ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศพม่า โดยอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลการเข้าไปลงทุน เพราะเห็นโอกาสของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ที่จะส่งออก เจเล่ บิวตี้ ไปในอาเซียนได้มากขึ้น ประกอบกับมีคู่แข่งจำนวนไม่มาก โดยปัจจุบันได้เริ่มส่งออกสินค้าไปต่างประเทศแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี
สำหรับงบการตลาดในปีนี้อยู่ที่ 50 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีแผนเปิดตัวเจเล่ บิวตี้ กลุ่ม ฟังก์ชันนอล ดริงก์ ให้หลากหลายมากที่สุด และขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มคนเริ่มต้นทำงาน และกลุ่มวัยทำงานทั่วไป จากปัจจุบันจะเน้นกลุ่มลูกค้าเด็กและวัยรุ่นเป็นหลัก เพื่อกระตุ้นตลาดให้คึกคักมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาขายเจเล่แบบถ้วยในราคา 5 บาท และแบบซอง 10 บาท แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นก็ตาม เนื่องจากได้ปรับประสิทธิภาพการผลิตสินค้าให้สูงขึ้น และได้ปรับแผนให้ส่วนลดแก่ร้านค้าปลีกและห้างค้าปลีกลดลงแทน โดยราคาแบบถ้วย อยู่ที่ 10 บาทมานานถึง 13 ปีแล้ว ส่วนราคาแบบซอง 5 บาทก็มีราคานานถึง 3 ปีแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายเจเล่ในปีนี้ที่ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็น เจเล่ ไลท์ แบบถ้วย 900 ล้านบาท และเจเล่แบบถุง หรือเจเล่ บิวตี้ ไลท์ 400 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มียอดขายรวมประมาณ 1,100 ล้านบาท ขณะที่ตลาดรวมเจลลีพร้อมดื่มที่มีมูลค่าประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาทในปีนี้ คาดว่าตลาดรวมจะเติบโต 710% จากปีก่อน ซึ่งมั่นใจว่า ตลาดยังไม่อิ่มตัวอย่างแน่นอน เพราะมีกลุ่มลูกค้าในวัยต่างๆ ที่สามารถขยายตลาดได้อีกมาก ส่วนโรงงานของบริษัทที่อยู่ใน อ.อ้อมน้อย จ.สมุทรสาคร ในปีก่อนเกิดปัญหามีน้ำล้อมรอบโรงงาน แต่ไม่ได้เข้าไปในโรงงานแต่อย่างใด แต่เกิดปัญหาไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามปกติ แต่ในปัจจุบันสามารถส่งสินค้าได้ตามปกติแล้ว
ขณะที่ตลาดรวมเจลลีพร้อมดื่มแบบซองมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25%400-500 ล้านบาท โดยตลาดแบบถ้วยคาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยเท่านั้น เป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสนใจมาซื้อ เยลลี่แบบซองมากขึ้น ทำให้ตลาดแบบซอง เติบโตถึง 20-25%


