‘RPC’หาทางรอด ลุยเหมืองควอตซ์
RPC รอไตรมาส 3 สรุปทำธุรกิจใหม่เหมืองควอตซ์ ขายทรัพย์สิน 2,000 ล้าน ยอมรับสภาพปีนี้รายได้ทรุด หายวับ 2 หมื่นล้าน
RPC รอไตรมาส 3 สรุปทำธุรกิจใหม่เหมืองควอตซ์ ขายทรัพย์สิน 2,000 ล้าน ยอมรับสภาพปีนี้รายได้ทรุด หายวับ 2 หมื่นล้าน
นายสัจจา เจนธรรมนุกูล ประธานกรรมการ บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) เปิดเผยว่า ปี 2555 รายได้และกำไรจะลดลงมากจากปีก่อน เนื่องจากธุรกิจหลักได้รับผลกระทบหลังบริษัท ปตท. (PTT) ไม่ส่งวัตถุดิบในการผลิตให้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ดังนั้นรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจค้าปลีกและรายได้จากค่าเช่าศูนย์การค้าทั้งหมด 3 แห่ง
“ปีก่อนมีรายได้ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่าปีนี้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เพราะธุรกิจหลักกว่า 80% ของรายได้ได้หายไป ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้น่าจะพอเลี้ยงตัวเองได้ เพราะธุรกิจของบริษัทย่อยมีกำไรน้อยมาก” นายสัจจา กล่าว
ประธานกรรมการ RPC กล่าวว่า ไตรมาส 3 บริษัทจะได้ข้อสรุปว่าจะทำธุรกิจเหมืองแร่ควอตซ์นี้หรือไม่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 100 ล้านบาท และจำเป็นต้องหาพาร์ตเนอร์ด้วย เพราะบริษัทยังต้องการลงทุนอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการขายโรงกลั่นน้ำมันและโรงไบโอดีเซล มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคาขายเกือบเท่าทุน โดยระหว่างนี้เจรจากับต่างชาติอยู่ 23 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
นายสัจจา กล่าวต่อว่า บริษัทยืนยันว่ายังไม่มีความประสงค์จะออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพราะยังมีรายได้จากค้าปลีกและเช่าพื้นที่
อย่างไรก็ดี วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาล แพ่งเพื่อขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวในการจ่ายเงินปันผล เพราะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือหุ้น แม้มีผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับเงินแล้วกว่า 100 ล้านบาทก็ตาม จากทั้งหมด 498 ล้านบาท และมีผู้ถือหุ้นนำเงินมาคืนแล้ว 40 ล้านบาท
นอกจากนี้ วันที่ 5 ก.ค.นี้ จะเป็นนัดแรกที่อนุญาโตตุลาการจะไต่สวนข้อมูลเบื้องต้นระหว่าง RPC และ PTT


