ยักษ์อสังหาฯกว้านซื้อที่อีสาน

ขอนแก่น-อุดรธานีที่ราคาพุ่งศุภาลัยลุยดันยอดต่างจังหวัด

อสังหาฯ อุดรธานีสุดคึก ทุนส่วนกลางบุกหนัก ศุภาลัยกว้านซื้อที่ตุน หวังเพิ่มยอดขายภูธรแตะ 19% สิ้นปีนี้

นางพรทิพย์ ธนศรีวนิชชัย ประธานชมรมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน จ.อุดรธานี มีแนวโน้มเติบโตดีมาก หรือเฉลี่ย 10% ต่อปี จากการเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าในภาคอีสาน และการเกิดของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะที่พฤติกรรมของชาวอุดรธานีเริ่มยอมรับการอยู่อาศัยในโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น และใช้ชีวิตแบบคนกรุงเทพฯ ทำให้ธุรกิจบ้านจัดสรรใน จ.อุดรธานี ขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีทุนส่วนกลาง เช่น กลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และกลุ่มศุภาลัย สนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มีกลุ่มสิทธารมย์รายเดียวที่เป็นทุนจากส่วนกลาง

การเข้ามาของทุนส่วนกลางจะช่วยยกระดับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใน จ.อุดรธานี ให้มีมาตรฐานดีขึ้น รวมถึงยกระดับการแข่งขันให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าตลาดนี้ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมากจากที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน จ.อุดรธานี ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นทั้งหมด และเน้นโครงการขนาดเล็ก 10-20 ไร่ จำนวน 50-60 ยูนิต มีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ เช่น หมู่บ้านหรรษา ของบริษัท พาวิลเลี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ที่พัฒนาโครงการบนพื้นที่ 150 ไร่ จำนวนกว่า 600 ยูนิต

ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น กลุ่มสร้างบ้านเอง กลุ่มจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน และบ้านในโครงการจัดสรร ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน แต่โดยรวมแล้ว จะเห็นได้ว่าการสร้างบ้านอยู่เองในอุดรธานียังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดให้มีบริษัทรับสร้างบ้านจากส่วนกลาง

สำหรับรูปแบบที่อยู่อาศัยใน จ.อุดรธานี ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ระดับราคา 1.5–3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียมยังไม่ได้รับความนิยมนัก เพราะมองว่าที่ดินยังมีอีกมาก ไม่จำเป็นอยู่อาศัยแบบหนาแน่น

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ดินแนวราบใน จ.อุดรธานี มีความยากมากขึ้น เพราะราคาที่ดินปรับตัวสูงมาก โดยที่ดินใจกลางเมืองบางแปลงตั้งราคาขายสูงถึง 1 แสนบาทต่อตารางวา ส่วนบริเวณถนนวงแหวน รอยต่อใจกลางเมือง ราคาก็ขยับขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อตารางวา หรือ 3-4 ล้านบาทต่อไร่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีก ราคาที่ดินย่านนี้จึงเหมาะกับการพัฒนาเชิงพาณิชย์มากกว่าที่อยู่อาศัย

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินในโซนภาคอีสานเพิ่มเติม จากปัจจุบันได้เข้าไปพัฒนาโครงการใน จ.ขอนแก่น มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพขยายต่อเนื่องทั้งแนวราบและแนวสูงซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการหาซื้อที่ดินได้ เพราะที่ดินทำเลดี ในขอนแก่น ก็หายากขึ้นเช่นกัน

ปัจจุบันบริษัทได้เริ่มทดลองตลาดใน จ.ขอนแก่น แล้ว 4 โครงการ พบว่ามีการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวจะปิดการขายได้ดีกว่าทาวน์เฮาส์ เพราะคนขอนแก่นนิยมบ้านที่มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 60 ตร.วา ราคาประมาณ 3.54 ล้านบาทก็อยู่ในระดับที่คนท้องถิ่นรับได้ ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายจาก จ.ขอนแก่น 600 ล้านบาท

สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในขอนแก่น ถือว่ามีโอกาสที่ดี และกำลังเริ่มต้นขยายตัวมาก โดยทำเลใกล้มหาวิทยาลัย ในราคาล้านต้นๆ เป็นตลาดที่น่าสนใจ และยังมีผู้เล่นน้อยราย แต่ต้องใช้เวลาในการศึกษา และหาที่ดินที่เหมาะสมให้ได้ เพราะแม้ว่าขอนแก่นจะยังมีอุปทานห้องชุดน้อย แต่มีอุปทานหอพักในปริมาณที่สูงมาก

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากส่วนกลางเข้าสู่ตลาดขอนแก่นหลายราย เช่น กลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท และศุภาลัย โดยพฤกษา และศุภาลัย จะเลือกทำตลาดในระดับราคาใกล้เคียงกัน ส่วนกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะเลือกจับกลุ่มบ้านระดับบนราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป เน้นจับกลุ่มคนท้องถิ่น ส่วนกลุ่มเขยฝรั่ง ชะลอตัวลง เพราะปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจทางยุโรปนอกจากนี้ ศุภาลัยยังสนใจหาซื้อที่ดินใน จ.อุดรธานี อย่างจริงจัง เพราะมองเห็นศักยภาพที่ดีของตลาด รวมทั้งสนใจตลาดอื่นๆ เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ เชียงราย ระยอง และนครศรีธรรมราช โดยตั้งเป้ายอดขายต่างจังหวัดปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้สัดส่วนยอดขายต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 19% จาก 14% ในปีที่แล้ว