มะลิสร้างโรงงานใหม่หนีนํ้า
งบกว่า2,000ล้านขอเวลาศึกษา1ปีชี้รง.บางปะอินถ้าปีนี้ไม่ท่วมจะขยาย
งบกว่า2,000ล้านขอเวลาศึกษา1ปีชี้รง.บางปะอินถ้าปีนี้ไม่ท่วมจะขยาย
มะลิ ซุ่มศึกษาสร้างโรงงานใหม่กว่า 2,000 ล้าน หนีน้ำท่วม เร่งเดินเครื่องจักรผลิตไลน์ยูเอชทีเดือน มี.ค.นี้ พร้อมปั้นสู่รีจินัลแบรนด์
นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย ผู้ผลิตนมข้นหวานตรามะลิ และเนยออร์คิด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานอีกแห่งในทำเลใหม่ที่ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ โดยทำเลจังหวัดที่สนใจสำหรับการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่อยู่ใน จ.สระบุรี นครราชสีมา และชลบุรี คาดว่าใช้เวลา 1 ปีในการศึกษาสร้างโรงงานในทำเลใหม่ งบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท
บริษัทยังอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนเพิ่ม เพื่อปรับปรุงการผลิตในโรงงานเดิมที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ในกรณีที่ปีนี้นิคมฯ บางปะอินมีความปลอดภัยจากน้ำท่วม โดยบริษัทอาจจะลงทุนปรับปรุงโรงงานในโรงงานแห่งเดิม แต่หากพื้นที่โรงงานเดิมไม่ปลอดภัย ก็จะพิจารณาลงทุนในโรงงานแห่งใหม่ คาดว่าใช้พื้นที่ประมาณ 70-80 ไร่ ซึ่งหากบริษัทตัดสินใจเดินหน้าลงทุนในพื้นที่โรงงานเดิม จะติดตั้งเครื่องจักรและเริ่มผลิตได้ใน 3 เดือนนับจากนี้
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสินค้านมข้นหวานตรามะลิจำหน่ายได้พอดีกับความต้องการของตลาด โดยการนำเข้าจากโรงงานนมข้นหวานในสิงคโปร์และมาเลเซีย ส่วนผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีนั้นอยู่ระหว่างเจรจากับโรงงานรับจ้างผลิตในประเทศไทย เพื่อให้ผลิตสินค้าดังกล่าวได้ในเดือน มี.ค.นี้ และสำหรับสายการผลิต (ไลน์) สินค้ากลุ่มเนยนั้น ได้จ้างผู้ผลิตในไทยผลิตออกจำหน่ายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
“บริษัทเตรียมพัฒนาปรับปรุงโรงงานแห่งนี้มาเป็นเวลานาน แต่เนื่องจากความต้องการสินค้ามีตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถหยุดไลน์การผลิตเพื่อปรับปรุงโรงงานได้” นายสุวิทย์ กล่าว
สำหรับปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมองเห็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมนมไทย ทำให้บริษัทเร่งตัดสินใจปรับปรุงหรือลงทุนโรงงานใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) มีผลในปี 2558
ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ตรามะลิยังเป็นที่รู้จักแพร่หลายในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งบริษัทยังเตรียมแผนการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ตรามะลิ ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทย ให้ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคนี้ในอนาคตด้วย ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นโดยคนไทย 100% ดำเนินการผลิตสินค้านมข้นหวาน นมข้นจืด เนย เครื่องดื่มยูเอชที และกะทิ โดยรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมาพลาดเป้าหมายเล็กน้อยจากผลกระทบน้ำท่วม รายได้ 80% มาจากในประเทศ และ 20% ส่งออก สิ้นปีนี้ตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท


