posttoday

ทนายคลายทุกข์ : ขายทรัพย์ทอดตลาดแล้ว ลูกหนี้ยังต้องรับผิดส่วนต่างอีก

04 มีนาคม 2553

ประเด็นที่คนกู้บ้านควรศึกษา เมื่อทรัพย์ที่ถูกยึดถูกขายทอดตลาด แต่ลูกหนี้ที่เสียทรัพย์แล้วยังถูกบีบให้ชำระหนี้ส่วนต่างอีก

ประเด็นที่คนกู้บ้านควรศึกษา เมื่อทรัพย์ที่ถูกยึดถูกขายทอดตลาด แต่ลูกหนี้ที่เสียทรัพย์แล้วยังถูกบีบให้ชำระหนี้ส่วนต่างอีก

โดย...เดชา กิตติวิทยานันทน์

ทุกวันนี้ลูกหนี้กู้เงินซื้อบ้าน ถูกสถาบันการเงินเจ้าหนี้ฟ้องเป็นคดีแพ่ง และถูกยึดทรัพย์ เมื่อ ขายทอดตลาดได้เงินต่ำกว่ายอดหนี้เป็นจำนวน มาก จึงทำให้เกิดหนี้ส่วนต่างสะสม เมื่อเวลาผ่านไป 9-10 ปี สถาบันการเงินทุกสถาบันการเงินจะฟ้องลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือบีบให้ ลูกหนี้ชำระหนี้ ในวันนี้ ทนายคลายทุกข์ จึงขอนำเรื่องราวของการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดมานำเสนอ

เมื่อท่านถูกยึดทรัพย์ตามคำพิพากษาในคดีแพ่ง ในฐานะลูกหนี้ ขั้นตอนในการขายทอดตลาดและการคัดค้านราคาหรือการขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด มีดังต่อไปนี้

1.เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของท่าน ท่านจะต้องคัดค้านราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งราคาไว้ ภายใน 8 วัน นับแต่วันที่ปิดประกาศ หากไม่คัดค้านถือว่าสละสิทธิ์

2.หลังจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีจะออกประกาศ เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดวัน เวลา สถานที่ในการขายทอดตลาด โดยในประกาศจะมีการระบุเกี่ยวกับทรัพย์พร้อมราคาประเมินของเจ้าพนักงาน เงื่อนไขของการเข้าสู้ราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด

3.เมื่อท่านได้รับประกาศขายทอดตลาดแล้ว ต้องไปดูแลการขายทอดตลาด หากไม่ไปดูการขายทอดตลาดถือว่าไม่ติดใจคัดค้านราคาในระหว่างการขายทอดตลาด ซึ่งโดยทั่วไปเจ้าพนักงานจะกำหนดไว้ในเจ้าพนักงานบังคับคดีจำนวน 4 ครั้ง (เดือนละ 2 ครั้งโดยประมาณ) โดยเริ่มต้นตั้งแต่ราคาร้อยละ 80 ในครั้งแรกของราคาประเมิน หลังจากนั้นจะลดลงมาเหลือร้อยละ 50 โดยลูกหนี้มีสิทธิคัดค้านราคา 1 ครั้ง หลังจากนั้นไม่มีสิทธิคัดค้านราคา แต่มีสิทธิในการหาบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคา

4.เมื่อผู้ขายทอดตลาดเห็นสมควรขาย จะเคาะไม้ให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด

5.ในทางปฏิบัติการขายทอดตลาดมักจะได้ราคาต่ำกว่าร้อยละ 50 จึงทำให้ลูกหนี้เสียเปรียบ เนื่องจากทรัพย์ขายได้ราคาน้อยกว่าหนี้สินที่ค้างชำระ และจะถูกฟ้องล้มละลายตามมาในภายหลังก่อนครบกำหนด 10 ปี นับจากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ทนายคลายทุกข์ ขอนำประกาศกรมบังคับคดี เรื่อง นโยบายการขายทอดตลาดทรัพย์สิน มาให้ท่านศึกษาเผื่อจำเป็นต้องใช้ดังนี้

1.การประกาศขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์

1.1 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งราคาประเมินขณะยึดทรัพย์หรือราคาประเมินของฝ่ายประเมินราคาสำนักงานวางทรัพย์กลางหรือราคาของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการกำหนดราคาทรัพย์แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่ากันในประกาศขายทอดตลาด เพื่อให้คู่ความ ผู้มีส่วนได้เสีย และประชาชนผู้สนใจได้ทราบ

1.2 ในการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีจะกำหนดราคาเริ่มต้นเป็นจำนวนร้อยละแปดสิบของราคาตามข้อ 1.1 โดยจะปัดตัวเลขที่เป็นเรือนหมื่นและถือเป็นราคาที่สมควรขาย

1.2.1 เมื่อไม่มีผู้ให้ราคาที่สมควรขายให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายไว้

1.2.2 กรณีมีผู้ให้ราคาที่สมควรขายให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดจนได้ราคาสูงสุดแล้วให้สอบถามเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีว่าจะคัดค้านราคาดังกล่าวหรือไม่ หากไม่มีผู้ใดคัดค้านให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูง

หากมีผู้คัดค้านราคาดังกล่าวและได้กำหนดราคาที่คัดค้านให้เจ้าพนักงานบังคับคดีสอบถามว่ามีผู้ใดเสนอราคาตามที่คัดค้านหรือไม่ หากมีผู้เสนอราคาให้ทำการขายต่อไปจนกว่าจะได้ราคาสูงสุดและเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุด หากไม่มีผู้ใดเสนอราคาที่คัดค้านไม่ได้กำหนดราคาที่คัดค้าน ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดไป โดยให้ผู้เสนอราคาสูงสุดต้องผูกพันกับการเสนอราคาดังกล่าวเป็นระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เสนอราคานั้น

1.2.3 ในการขายทอดตลาดนั้นต่อไป หากมี ผู้เสนอราคาสูงสุดในจำนวนไม่สูงกว่าจำนวนท ี่ผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งก่อนหรือไม่มีผู้ใดเสนอราคาเลย ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งก่อน แต่หากมีผู้เสนอราคาสูงสุดได้เสนอในการขายทอดตลาดครั้งก่อน ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดนั้น

1.3 หากในการขายทอดตลาดครั้งก่อน เจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายทอดตลาดไว้ เนื่องจากไม่มีผู้เข้าสู้ราคาในการประกาศขายทอดตลาดครั้งที่ 2 เป็นต้นไป เจ้าพนักงานบังคับคดีจะถือเอาราคาที่สมควรขายเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของราคาประเมินตามข้อ 1.1 โดยปัดตัวเลขเป็นเศษขึ้นเป็นเรือนหมื่น และทำการขายทอดตลาดต่อไปตามข้อ 1.2.1 หรือ 1.2.2 หรือ 1.2.3 แล้วแต่กรณี

1.4 ในกรณีคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ได้กำหนดราคาทรัพย์ในระหว่างการประกาศขายทอดตลาด ให้ถือราคาร้อยละแปดสิบของราคาคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการกำหนดราคาทรัพย์เป็นราคาเริ่มต้นเป็นราคาที่สมควรขายในครั้งนั้น และหากเจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายทอดตลาดไว้เนื่องจากไม่มีผู้เข้าสู้ราคา ในการขายครั้งต่อไปให้ถือว่าเอาราคาร้อยละห้าสิบของราคา คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการกำหนดราคาทรัพย์เป็นราคาเริ่มต้นและเป็นราคาที่สมควรขายและทำการขายทอดตลาดต่อไปตามข้อ 1.2.1 หรือข้อ 1.2.2 หรือ 1.2.3 แล้วแต่กรณี

ผมเห็นว่า การขายทอดตลาดในประเทศไทยไม่เป็นธรรมกับลูกหนี้ เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีเน้นระบายสินทรัพย์ให้พ้นไปจากอำนาจของกรมบังคับคดี เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหนี้สถาบันการเงินฝ่ายเดียวไม่เป็นประโยชน์กับลูกหนี้ โดยมักอ้างว่าถ้าขายทรัพย์จำนองไม่ได้ จะทำให้มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจซึ่งก็จริงอยู่

แต่กรมบังคับคดี ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ยังมีหน้าที่ต้องสร้างสมดุลทางสังคมอีกมิติหนึ่ง กรมบังคับคดีจึงยังไม่ได้เป็นที่พึ่งของลูกหนี้แต่อย่างใด ควรที่จะมีการสังคายนากฎหมายใหม่ เพื่อให้การขายทอดตลาดเป็นประโยชน์ของลูกหนี้และเจ้าหนี้ต่อไป

ในอนาคตหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ลูกหนี้ที่กู้เงินซื้อบ้านและจดจำนองบ้านกับธนาคาร จะต้องถูกฟ้องล้มละลายทั้งหมดเหมือนเช่นในทุกวันนี้ ในบัลลังก์พิจารณาคดีของศาลล้มละลายแทบจะไม่มีที่ แม้แต่จะยืนเพราะเต็มไปด้วยคดีล้มละลายวันหลายสิบคดี

หากท่านใดยังมีปัญหาในการถูกขายทอดตลาดทรัพย์และยังหาทางออกไม่ได้ ให้ตั้งกระทู้มาที่เว็บไซต์แห่งนี้ ผมจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับลูกหนี้ที่สุจริต

ข่าวล่าสุด

การปรับบุคลิกของ ChatGPT สู่รูปแบบคำตอบที่ตรงใจยิ่งขึ้น