บันได 8 ขั้นแห่งการเติบโต
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับการชักชวนจากเพื่อนให้เข้าสัมมนาฟื้นฟูการเทของพระวิญญาณบริสุทธิ์
โดย...สาธิต บวรสันติสุทธิ์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับการชักชวนจากเพื่อนให้เข้าสัมมนาฟื้นฟูการเทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (คริสเตียน) ที่โรงแรมตวันนา โดยอาจารย์ นพ.วรุณ เลาหประสิทธิ์ จาก New Hope International Church. Seattle, WA, USA ถือว่าเป็นความโชคดีที่ได้รู้จักเพื่อนที่ดีที่แนะนำสิ่งประเสริฐมาให้ ให้ได้พบกับความรักของพี่น้องคริสเตียนที่อบอุ่น และได้ฟังเทศนาของ อ.วรุณ เกี่ยวกับหลักการสู่ความสำเร็จ โดยได้ยกข้อความในพระคัมภีร์พระธรรม 2 เปโตร 1:5-7 ที่กล่าวว่า
“ด้วยเหตุนี้ท่านจงพยายามทุกวิถีทางที่จะเพิ่มความดีเข้ากับความเชื่อ เพิ่มความรู้เข้ากับความดี เพิ่มการบังคับตนเข้ากับความรู้ เพิ่มความอดทนบากบั่นเข้ากับการบังคับตน เพิ่มการดำเนินในทางพระเจ้าเข้ากับความอดทนบากบั่น เพิ่มความรักฉันพี่น้องเข้ากับการดำเนินในทางพระเจ้า และเพิ่มความรักเข้ากับความรักฉันพี่น้อง เพราะถ้าท่านมีคุณสมบัติเหล่านี้มากยิ่งๆ ขึ้น ก็จะทำให้ท่านมีประสิทธิภาพและเกิดผลในการรู้จักองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา...”
มาอธิบายให้สามารถเข้าใจได้ง่าย ซึ่งผมขออนุญาตนำคำอธิบายจาก “บันได 8 ขั้นสู่การเติบโต” ของคริสตจักรตรัง มาประกอบดังนี้
การเติบโตด้านที่ 1 ‘ความเชื่อ’ Faith
“ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง” ฮีบรู 11:1
คนเราจะประสบความสำเร็จในสิ่งใดก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องมี คือ “ศรัทธา หรือความเชื่อ” ในสิ่งที่ทำ เพราะศรัทธาคือพลังที่จะช่วยให้เราสามารถยืนหยัดต่อปัญหาหรืออุปสรรคที่พบได้
การเติบโตด้านที่ 2 ‘ความดี’ Virtue (คุณธรรม)
“ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์” มธ. 5:16
เพราะความเชื่อคือพลังที่จะทำการใดๆ ให้สู่ความสำเร็จ แต่พลังนั้นไม่มีการควบคุมที่ดี พลังนั้นก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายที่ใหญ่หลวงได้ เปรียบเหมือนไฟหากขาดการควบคุมที่ดี ไฟที่มีประโยชน์อนันต์ก็จะมีโทษมหันต์เช่นกัน ความดีคือสิ่งที่กำกับการกระทำ ไม่ให้การกระทำต่างๆ นั้นเป็นโทษไม่ว่ากับตนเองหรือผู้อื่นก็ตาม ดังนั้นความดีจึงเป็นบันไดขั้นต้นๆ ของการก้าวสู่ความสำเร็จ
การเติบโตด้านที่ 3 ‘ความรู้’ Knowledge
“ความยำเกรงพระเจ้าเป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ยอมดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน” สุภาษิต 1:7
บันไดขั้นที่ 3 คือ ความรู้ รู้จริงในสิ่งที่ทำ การทำงานโดยปราศจากความรู้ ย่อมทำให้เสียทรัพยากรมากเกินความจำเป็น โอกาสที่งานจะสำเร็จก็มีน้อย ไม่เพียงการรู้จริงในสิ่งที่ทำจะสำคัญต่อความสำเร็จของเราเท่านั้น การรู้จริงในสิ่งที่พูดก็เช่นกัน เราได้เห็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่รู้จริงมาให้ความเห็นในกรณีต่างๆ มากแล้ว ซึ่งแทนที่จะช่วยให้เกิดผลดี แต่กลับทำให้เกิดผลเสียหายมากมาย
นอกจากความรู้ในการทำงานดังกล่าวแล้ว เรายังต้องมีความรู้ในการดำเนินชีวิตด้วย คือ รู้ว่าสิ่งอะไรถูกต้อง ไม่ถูกต้อง สำหรับการดำเนินชีวิต
การเติบโตด้านที่ 4 ‘ความเหนี่ยวรั้งตน’ (Temperance)
“เขาตายเพราะขาดวินัยชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป” สภษ. 5:23
ประโยคหนึ่งที่ อ.วรุณ พูด ที่ผมชอบมากก็คือ คริสเตียนไม่ทำอะไรลวกๆ แบบขอไปที คริสเตียนจะทำกิจการทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ รับผิดชอบในกิจการที่ทำอย่างเต็มที่ เพราะคริสเตียนถือว่าการขาดวินัยเป็นความบาปอย่างหนึ่ง คือ การไม่ทำในส่วนของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่รับผิดชอบ ไม่อารักขา ดำเนินชีวิตเรื่อยเปื่อย ทำให้ติดกับดักความไร้วินัยและตายในที่สุด ดังนั้นความเหนี่ยวรั้งตนจึงเป็นบันไดขั้นที่ 4 ที่สำคัญสำหรับการเติบโต
ความหมายของ “การเหนี่ยวรั้งตน” คือ “มีสติที่จะยับยั้งการประพฤติ” “มีวินัย” และยังแปลว่า “การควบคุมอารมณ์” เป็นการยั้งชีวิตที่ไม่เข้าไปในปัญหาหรือความบาปสิ่งนั้น (ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากคำว่า “ขันติ” ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตด้านที่ 5 คือ การอดทนต่อการกระทำที่เข้ามาในชีวิต)
คำสอนของ อ.วรุณ วันนั้นมีมาก จนผมไม่สามารถจบในวันเดียวได้ วันนี้ผมจึงขอจบที่บันได 4 ขั้นแรกก่อนครับ ไว้สัปดาห์หน้าจะมาต่อบันไดขั้นที่ 58 กันครับ...ขอพระเจ้าอวยพร


